eng homeabout usmekong riversalween rivermun riverthai baan researchpublication
 

จดหมายเปิดผนึก ฉบับที่ ๓

เครือข่ายคนไทยไม่เอาโรงไฟฟ้านิวเคลียร์  จังหวัดอุบลราชธานี

 

เรื่อง           ขอให้ทบทวนแผนการก่อสร้างและดำเนินการโรงไฟฟ้าพลังงานนิวเคลียร์ในพื้นที่จังหวัดอุบลราชธานี

กราบเรียน    ฯพณฯ นายกรัฐมนตรี ผ่าน สื่อมวลชน  

ก่อนอื่นเครือข่ายคนไทยไม่เอานิวเคลียร์ จังหวัดอุบลราชธานีขอแสดงความเสียใจและไว้อาลัยต่อความสูญเสียของประชาชนชาวญี่ปุ่น ที่ได้รับภัยพิบัติจากภัยธรรมชาติและการระเบิดของเตาปฏิกรณ์จากโรงไฟฟ้าพลังนิวเคลียร์ฟูกูชิมะ 

อุทาหรณ์จากประเทศญี่ปุ่น อันเป็นภัยพิบัติทางธรรมชาติ ผนวกกับภัยพิบัติอันเกิดจากน้ำมือมนุษย์เกี่ยวแก่นโยบายด้านพลังงาน กล่าวคือ การเกิดคลื่นสึนามิ ที่ส่งผลถึงการระเบิดของเตาปฏิกรณ์ของโรงไฟฟ้าพลังนิวเคลียร์ ถือได้ว่า เป็นการซ้ำเติมเหตุการณ์ให้เลวร้ายยิ่งขึ้น จากเหตุการณ์ดังกล่าว สามารถจำแนกภัยพิบัติได้ ดังนี้ คือ

  1. ภัยจากคลื่นยักษ์สึนามิ เป็นภัยอันไม่อาจแก้ไขได้ สิ่งที่ทำได้มีเพียงการป้องกัน เพื่อให้เกิดความสูญเสียน้อยที่สุด
  2. ภัยจากการระเบิดของเตาปฏิกรณ์โรงไฟฟ้าพลังนิวเคลียร์ เป็นภัยอันสามารถแก้ไข และป้องกันได้

สำหรับประเทศไทย การที่รัฐบาลได้อนุมัติแผนพีดีพี ๒๐๑๐ โดยมีพลังงานนิวเคลียร์อยู่ในแผน  ๕,๐๐๐ เมกะวัตต์  ในช่วงปี ๒๕๕๔-๒๕๗๓ มีแผนจะสร้างโรงไฟฟ้านิวเคลียร์  ๕ โรง โรงไฟฟ้าถ่านหิน ๑๐ โรง  และโรงไฟฟ้าก๊าซ  ๒๐ โรง  โดยการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) ได้ว่าจ้างบริษัทปรึกษาให้คัดเลือก ๕ พื้นที่ ได้แก่  อุบลราชธานี    นครสวรรค์   ตราด    สุราษฎร์ธานี    ชุมพร  ซึ่งจังหวัดอุบลราชธานีถูกเลือกเป็นอันดับหนึ่ง โดยพิจารณาจากด้าน วิศวกรรม สิ่งแวดล้อม  และารประเมนต้นทุนก่สร้างของโรงไฟฟ้า ซึ่งการดำเนินการด้านข้อมูลได้แล้วเสร็จ และได้จัดส่งให้ สพน. แล้ว ต่อจากนี้ กฟผ. จะจัดเตรียมร่างเงื่อนไขการประกวดราคา  (ทีโออาร์) ว่าจ้างที่ปรึกษากำหนดคุณสมบัติ (สเปค) ของโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ หาก ครม. อนุมัติให้ก่อสร้าง ก็จะใช้เวลาในการประกวดราคาก่อสร้างประมาณ ๓ ปี และใช้เวลาก่อสร้างอีก ๖ ปี และจะเริ่มจ่ายไฟฟ้าได้ในปี ๒๕๖๓

แผนการก่อสร้างและดำเนินการโรงไฟฟ้าพลังงานนิวเคลียร์ในพื้นที่จังหวัดอุบลราชธานีดังกล่าว กำลังนำพาประเทศและประชาชน ทั้งประชาชนในจังหวัดอุบลราชธานี และจังหวัดใกล้เคียงไปสู่ความหายนะ และฝ่ายนโยบายกำลังดูเบาเหตุการณ์ครั้งนี้ ซึ่งแม้แต่นายกรัฐมนตรีของญี่ปุ่นยังยอมรับว่า ภัยพิบัติครั้งนี้เท่ากับความสูญเสียของญี่ปุ่นที่เกิดจากสงครามโลก ครั้งที่ ๒ นั่นหมายถึงว่า ภัยพิบัติครั้งนี้ความสูญเสียอันสำคัญ เกิดจากการระเบิดของเตาปฏิกรณ์ของโรงไฟฟ้าพลังนิวเคลียร์ ซึ่งเทียบได้กับการทิ้งระเบิดปรมาณูของฝ่ายสัมพันธมิตรที่บริเวณ ๒ เกาะของญี่ปุ่น เนื่องจากความสูญเสียจากนิวเคลียร์มิได้สิ้นสุดเพียงเหตุการณ์ยุติ หากแต่จะยังลุกลาม และยังความทุกข์ทรมานแก่ผู้ประสบภัยไปอีกนาน มิพักต้องพูดถึงความสูญเสียทางขวัญและกำลังใจ

หายนภัย อันจะเกิดขึ้นในอนาคต โดยมีโรงไฟฟ้าพลังนิวเคลียร์ที่เกิดขึ้นจากแผนพีดีพี ๒๐๑๐ เป็นสาเหตุ ถือได้ว่าเป็นภัยพิบัติที่ ฯพณฯ สามารถยุติได้ เนื่องจากยังไม่มีการก่อสร้าง

จากเหตุการณ์ในญี่ปุ่นครั้งนี้ เห็นได้ชัดว่า ระบบความปลอดภัยภายในประเทศของญี่ปุ่นมีความเคร่งครัดรัดกุมอย่างยิ่ง เนื่องจากญี่ปุ่นต้องเผชิญกับปัญหาภัยพิบัติทางธรรมชาติอยู่เป็นนิตย์ แต่กระนั้น ก็ยังเกิดความสูญเสียอย่างใหญ่หลวงอย่างที่ประจักษ์ หากเหตุการณ์เช่นนี้เกิดขึ้นในประเทศไทย ซึ่งระบบการเตือนภัย และมาตรฐานด้านความปลอดภัยยังมีปัญหา ตลอดจนประชาชนชาวไทยยังไม่คุ้นชินกับมหันตภัยอันเกิดจากพลังนิวเคลียร์ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง พื้นที่ๆ จะก่อสร้างโรงไฟฟ้าพลังนิวเคลียร์ล้วนอยู่ในเขตชนบทห่างไกล ประชาชนยิ่งห่างไกลการรับรู้ข้อมูลข่าวสาร เป็นที่เชื่อได้โดยไม่ต้องสงสัยเลยว่า หากเกิดภัยพิบัติ จะต้องเกิดความสูญเสียอันไม่อาจคาดการณ์ได้

อนึ่ง การสำรองพลังงานของประเทศเป็นที่รับรู้อยู่แล้วว่า เป็นการคาดการณ์ที่เกินจริง ดังได้กราบเรียนมาแล้ว และถึงแม้ประเทศจะมีความต้องการพลังงานจริง มาตรการอันไม่ก่อให้เกิดภัยพิบัติยังมีอีกหลายวิธี เช่น มาตรการการประหยัดพลังงาน ซึ่งเป็นวิธีที่นอกจากจะทำให้แก้ไขปัญหาด้านพลังงานแล้ว ยังเป็นการสร้างวินัยแก่คนในชาติ อันจะส่งผลถึงการแก้ไขปัญหาในมิติอื่นๆ ตามมาอีกด้วย

เครือข่ายคนไทยโรงไฟฟ้าพลังงานนิวเคลียร์ จังหวัดอุบลราชธานี  และภาคีเครือข่ายภาคประชาชน จังหวัดอุบลราชธานี ขอกราบเรียนมายัง ฯพณฯ ว่า เครือข่ายฯ ยังยืนยันจุดยืนเดิม คือ คัดค้านการสร้างโรงไฟฟ้าพลังนิวเคลียร์ในประเทศไทย  และได้โปรดพิจารณายกเลิกแผนพีดีพี ๒๐๑๐เสียแต่ยังไม่ได้ดำเนินการมากกว่านี้

 

จึงเรียนมาเพื่อโปรดพิจารณาโดยด่วน จักขอบพระคุณยิ่ง

ขอแสดงความนับถืออย่างสูง

  • นักศึกษามหาวิทยาลัยราชภัฏ อุบลราชธานี              
  • นักศึกษามหาวิทยาลัยอุบลราชธานี
  • กลุ่มเยาวชนสืบสานภูมิปัญญา            
  • คณะอาจารย์มหาวิทยาลัยราชภัฏอุบลราชธานี
  • เครือข่ายชุมชนเพื่อการปฏิรูปสังคมและการเมืองจังหวัดอุบลฯ(คป.สม.)         
  • เครือข่ายคนฮักน้ำของ 
  • กลุ่มสมัชชาคนจน  กรณีเขื่อนปากมูล
  • กลุ่มสมัชชาคนจน  กรณีเขื่อนสิรินธร
  • กลุ่มผู้ได้รับผลกระทบจากโรงไฟฟ้าชีวมวล  บ้านคำสร้างไชย ต.ท่าช้าง  อ.สว่างวีระวงศ์ อุบลราชธานี
  • พ่อค้าประชาชนชาวจังหวัดอุบลราชธานี

ณ ศาลหลักเมือง จังหวัดอุบลราชธานี

วันที่ ๑๖ มีนาคม  ๒๕๕๔

 
 

สมาคมแม่น้ำเพื่อชีวิต   138/1 หมู่ 4 ต.สุเทพ อ.เมือง จ.เชียงใหม่   50200
Living River Siam Association  138 Moo 4, Suthep, Muang, Chiang Mai, 50200   Thailand
Tel. & Fax.: (66)-       E-mail : admin@livingriversiam.org

ข้อมูลในเวปนี้สามารถนำไปเผยแพร่ได้โดยอ้างอิงแหล่งที่มา