ตัวอย่างพฤติกรรมการทุจริตเขื่อนโป่งขุนเพชร
จ. ชัยภูมิ
สมัชชาคนจน
โครงการเขื่อนโป่งขุนเพชร เป็นของกรมชลประทาน เริ่มดำเนินการในปี
2532 คือ อยู่ในท้องที่ตำบลโคกสะอาด อ.หนอง บัวระเหว จ.ชัยภูมิ มีผลกระทบราษฏรในท้องที่
อ.หนองบัวระเหว และอ.เทพสถิต จ.ชัยภูมิ ปรากฏว่าการดำเนินงาน ของฝ่ายราชการ
ไม่โปร่งใส ปิดบังข้อมูลและมีการข่มขู่หลอกลวงชาวบ้าน เพื่อแสวงหาผลประโยชน์
โดยมิชอบของฝ่ายเจ้าหน้าที่ มีการทุจริตกันเป็น ขบวนการหรือแก๊งมาเฟียที่ประกอบไปด้วย
เจ้าหน้าที่ทั้งของกรมชลประทานและกระทรวงมหาดไทยร่วมกับ นายทุนมีการวางแผน
มีกองทุนมีผู้ปฏิบัติงานเป็นขั้นตอน วางสายเป็นระบบต่อเนื่อง เป็นขบวนการที่ทำมาหากินอยู่กับกรมชลฯ
ตลอดมา โดยเฉพาะในภาค อีสานมีศูนย์กลาง
บัญชาการ และวางแผนอยู่ที่ สำนักงานชลประทานเขต 6 จ.นครราชสีมา โดย อาศัยบุคคลากร จาก จ.นครราชสีมา เป็นหลัก ประกอบการทุจริตมาตั้งแต่เขื่อนลำมูลบน เขื่อนลำแชะ เขื่อนลำคันฉู
เขื่อนห้วย ทราย ปัจจุบันและอนาคตเขื่อนโป่งขุนเพชร กำลังเตรียมการอยู่ที่เขื่อนนายางดี
เขื่อนปากช่อง เขื่อนที่ปักธงชัย และเขื่อนที่ ศรีสะเกษ เป็นต้น โดยใช้ทรัพยากรทั้งสิ่งของและบุคคล
ชุดเดียวกันโดยอาศัยสำนักงานชลประทานเขต 6 จ.นครราชสีมาเป็น ศูนย์บัญชาการและวางแผน
วิธีการ
ขั้นที่ 1 ให้เจ้าหน้าที่ชลประทานและฝ่ายปกครองเข้าข่มขู่และหลอกลวงราษฏรในท้องที่
ๆ อยู่ในเขตชลประทานว่า ทางรัฐ บาลจะสร้างเขื่อนชาวบ้านต้องโยกย้ายออกไปโดยไม่มีค่าชดเชยใด
ๆ ทั้งสิ้นถ้าหากใครขัดขืนจะจับกุมคุมขัง
ขั้นที่ 2 ส่งนายหน้าเข้าไปกว้านซื้นที่ราคาถูกเพราะชาวบ้านกลัวว่าจะไม่ได้ค่าชดเชย
ขั้นที่ 3 ปลูกต้นมะขามเปรี้ยวและต้นไม้อื่น เพื่อเบิกค่าชดเชยโดยร่วมกันทำหลังฐานเท็จเพิ่มจำนวนต้นไม้ให้มากกว่า
ที่เป็น จริง ทำหลักฐานเท็จจากต้นมะขามเปรี้ยวให้เป็นต้นมะขามหวานแล้วเบิกเงินแบ่งกันระหว่างเจ้าหน้าที่และนายหน้าที่เขื่อน
โป่งขุนเพชร ปรากฏว่ามีผู้ได้รับค่าชดเชย ค่าต้นไม้รอบแรก เมื่อวันที่ 25
เมษายน 2537 จำนวน 150 ราย เป็นชื่อบุคคลภาย นอกที่ชาวบ้านไม่รู้จัก ประมาณ
120 ราย และมีภูมิลำเนาอยู่ที่ จ.นครราชสีมา บุคคลกลุ่มนี้ได้รับเงินไปประมาณ
22 ล้าน ส่วน ชาวบ้านผู้เดือดร้อนได้รับเงิน ประมาณ 3 ล้านบาท
ขั้นที่ 4 ข่มขุ่หลอกลวงว่าที่ดินทำกินที่ชาวบ้านครอบครองอยุ่นั้นเป็นที่รก
จะไม่จ่ายค่าชดเชยให้จะจ่ายค่าชดเชย เฉพาะที่ เตียนแล้ว ถ้าชาวบ้านคนใดต้องการให้เป็นที่เตียนก็จะไถให้โดยเก็บเงินค่าไถที่ดิน
เมื่อเงินค่าทดแทนออก โดยขอแบ่ง เป็น 4 ส่วน ส่วนที่ 1 ให้รถไถ ส่วนที่ 2
ให้เจ้าหน้าที่ให้กำนันผู้ใหญ่บ้านที่เป็นนายหน้า ส่วนที่ 3 ให้เจ้าหน้าที่ชลประทานเหลือ
เท่าใดจึงเป็นส่วนที่ 4 จึงจะเป็นของเจ้าของที่ดิน ปรากฏว่าเมื่อวันที่ 31
ตุลาคม 2538 มีการจ่ายเงินค่าทดแทนที่ดินทำกิน ประมาณ 20 รายชาวบ้านถูกหัก
เงินออกไป โดยเจ้าหน้าที่ใช้วิธีการข่มขู่แกมบังคับ คุมตัวลงจากธนาคารกรุงไทย
จ.ชัยภูมิ มาข้างธนาคารแล้วบังคับเอาส่วนแบ่ง โดยมี มือปืนคุมอยู่ 2 คน มีเจ้าหน้าที่ชลประทานเป็นผู้รวบรวมเงินส่วนแบ่งเข้าใส่ไว้ในรถ
ด้วยตัวเอง
ขั้นที่ 5 เพื่ออำพรางตัวการที่แท้จริง การซี้อขายที่ดินตามขั้นตอนที่
2 นั้นส่วนใหญ่ จะใช้ชื่อเจ้าของเดิมเป็นผู้รับเงิน ทดแทน (ทำให้อำพรางชื่อนายทุนไว้ได้)
และตัวนายทุนผู้ซื้อจะปลอมลายมือชื่อตัวเจ้าของเดิมเพื่อเบิกเงินจากกรมชลฯและเบิก
เช็คจากธนาคาร กรุงไทย สาขา อำเภอเมืองชัยภูมิ
|