25-23 มีนาคม 2539 |
ชาวบ้านผู้ได้รับความเดือดร้อนจากเขื่อนสิรินธรร่วมกับกลุ่มสมัชชาคน
จนเรียกร้องให้มีการแก้ไขปัญหา ความเดือดร้อนที่เกิดขึ้น มีการเจรจากับตัวแทนของรัฐบาล
โดยรมว.วิทยาศาสตร์เป็นประธานกับกลุ่มผล กระทบจากเขื่อน ได้ข้อยุติเป็นผลเจรจา
ผ่านครม.ให้ความเห็นชอบวันที่ 22 เมษายน 2539
|
22 เมษายน 2539 |
มติครม.ให้ความเห็นชอบผลการเจรจาวันที่ 25-23
มีนาคม 2539 สรุปย่อดังนี้
กำหนดหลักการเพื่อเป็นแนวทางในการแก้ไขปัญหาเขื่อนคือ ครม.มีข้อสังเกตว่าการสร้างเขื่อนอาจ
มีผลกระทบต่อประชาชนบางส่วนและสมควรแก้ไขให้ ควรจ่ายค่าชดเชยให้ผู้ได้รับผลกระทบโดยยึดมติ
ครม. 11 กรกฎาคม 2532 ให้มีการตรวจสอบข้อเท็จจริง และเขื่อนใดที่มีปัญหาให้มีการตั้งคณะกรรมการ
กลางขึ้นมา ให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องรวบรวมข้อมูลและข้อเท็จจริงให้เร็วที่สุด
ให้มีการประสานงานเกี่ยว กับการระงับการดำเนินคดีต่อไป
|
14 พฤษภาคม 2539 |
นายกรัฐมนตรีนายบรรหาร ศิลปอาชา มีคำสั่งนายกรัฐมนตรีที่
63/2539 แต่งตั้งคณะกรรมการกลางเพื่อ ช่วยหลือราษฎรที่ได้รับผลกระทบจากการสร้างเขื่อนสิรินธร
จ.อุบลราชธานี มีรวม.วิทยาศาสตร์ นาย ยิ่งพันธ์ มนะสิการ เป็นประธาน เพื่อดำเนินการตามมติครม.วันที่
22 เมษายน 2539
|
18 มิถุนายน 2539 |
ผวจ.อุบลราชธานี มีคำสั่งจังหวัดอุบลราชธานี
ที่ 1555/2539 เรื่องแต่งตั้งคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จ จริงระดับจังหวัดเพื่อช่วยเหลือราษฎร
ที่ได้รับผลกระทบจากเขื่อนสิรินธร
|
25 มิถุนายน 2539 |
คณะกรรมการกลางดังกล่าวมีมติแต่งตั้ง คณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงระดับจังหวัด
เพื่อดำเนินการ ตรวจสอบว่าความเดือดร้อนที่เกิดขึ้นเป็นอย่างไร และสมควรพิจารณาช่วยเหลือเช่นใด
|
5 สิงหาคม 2539
|
จังหวัดมีคำสั่งแต่งตั้งคณะอนุกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงระดับพื้นที่
ดำเนินการสำรวจราษฎรจำนวน 2,526 ครอบครัว พบว่า การได้รับค่าชดเชยจากทางราชการ
ราษฎรที่ได้รับผลกระทบโดยตรงส่วนมาก จะได้รับแต่ไม่เต็มจำนวนตามที่ราษฎรถือครองจริง
ส่วนการจัดสรรที่ดินของนิคมสร้างตนเองลำโดมน้อย ราษฎรที่ได้รับผลกระทบโดยตรงส่วนใหญ่จะได้รับแต่ไม่เอา
หรือเอาไว้แล้วอพยพไปที่อื่นเนื่องจากพื้นที่ ไม่เหมาะสมกับการทำการเกษตร
|
21 สิงหาคม 2539 |
คกก.ตรวจสอบข้อเท็จจริงระดับจังหวัดฯ ประชุมพิจารณาผลการดำเนินการของคณะอนุกรรมการตรวจ
สอบข้อเท็จจริงระดับพื้นที่ เห็นชอบดังนี้
เห็นควรให้มีการจัดสรรที่ดินให้ราษฎรครอบครัวละ
15 ไร่ รวมประมาณ 39,000 ไร่ โดยมีแนวทางดังนี้
จัดสรรที่ดินที่มีอยู่ขณะนี้จำนวนประมาณ
16,000 ไร่ ซึ่งอยู่ในพื้นที่ของนิคมสร้างตนเองลำโดมน้อย 14,000 ไร่ อยู่ในเขตการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทยประมาณ
2,000 ไร่
สำหรับที่ดินอีกประมาณ 23,000 ไร่ ดำเนินการโดยให้จัดหาที่ดินในบริเวณอื่นๆเพิ่มเติม
เช่นที่ป่าสงวน เสื่อมโทรม หรือ
ให้จัดสรรผ่านหน่วยงานต่างๆให้ประชาชนจัดหาซื้อที่ดินโดยราคาอัตราเฉลี่ยใกล่เคียงกับที่ดินในข้อ
(1) และ (2)
ให้จัดตั้งกองทุนเงินกู้ให้ราษฎรครอบครัวละ
500,000 บาท ดอกเบี้ยร้อยละ 1 บ./ปี เป็นเวลา 20 ปี
เรื่องราษฎรขอมีส่วนร่วมในการจัดการทรัพยากรธรรมชาติในอ่างเก็บน้ำเขื่อนสิรินธร
เห็นควรแก้ไข กฎหมายหรือระเบียบที่เป็นอุปสรรคในการที่จะให้ประชาชนเข้าไปใช้ทรัพยากร
ในอ่างเก็บน้ำเขื่อน สิรินธร
เรื่องราษฎรขอที่ดินใน บ.โนนจันทร์เก่าคืน
พร้อมเอกสารสิทธิ์ เห็นควรให้ราษฎรอยู่ต่อไป พร้อมเอก สารสิทธิ์
เรื่องราษฎรขอให้ทางราชการถอนฟ้องคดี 12
ผู้ต้องหาที่ถูกจับกุมในขณะที่เจ้าหน้าที่ตำรวจสลายการ ชุมนุมของผู้ได้รับผลกระทบจากการ
สร้างเขื่อนสิรินธรเมื่อวันที่ 3 ธันวาคม 2537 ให้อยู่ในดุลยพินิจของ ทางราชการ
|
23 กันยายน 2539 |
ประชุมคณะกรรมการกลางฯเพื่อพิจารณาความเห็นเสนอของคณะกรรมการตรวจสอบ
ข้อเท็จจริงจังหวัด อุบลราชธานี ที่ประชุมไม่สามารถหาข้อยุติร่วมกันในเรื่องการช่วยเหลือราษฎรได้
|
1 ตุลาคม 2539 |
ประชุมคณะกรรมการกลางฯเพื่อพิจารณาความเห็นเสนอของคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริง
จังหวัด อุบลราชธานีอีกครั้ง ยังไม่สามารถหาข้อยุติร่วมกันได้ ได้ข้อเสนอเป็นแนวทางว่า
ให้เสนอเรื่องต่อไปให้ คณะกรรมการกำกับดูแลและติดตามผลการดำเนินการตามมติครม.
22 เมษายน 2539 ที่มีรองนายกรัฐ มนตรี นายกร ทัพพะรังสี เป็นประธาน
|
22 ตุลาคม 2539 |
(ไม่มีการเรียกประชุมคณะกรรมการกำกับดูแลและติดตามฯ)
จึงเสนอเรื่องเข้าสู่ครม.มีมติว่า
ในเรื่องการจัดสรรที่ดินให้ราษฎรเป็นอำนาจหน้าที่ของคณะกรรมการจัดที่ดินแห่งชาติ
จึงให้คณะกรรม จัดที่ดินแห่งชาติรับไปดำเนินการโดยประสานการปฏิบัติกับกรามประชาสงเคราะห์
กฟผ.และ จ.อุบล ราชธานีในส่วนที่เกี่ยวข้อง
แม้ว่ากระทรวงเกษตรฯจะได้ดำเนินการช่วยเหลือราษฎรที่ได้รับผลกระทบจากการสร้างเขื่อน
สิรินธรด้วย การเข้าไปสำรวจคุณภาพดินและดำเนินการด้านการส่งเสริมการเกษตรและอาชีพที่เหมาะสม
แต่ก็เห็นควร ให้ช่วยเหลือเพิ่มเติมในเรื่องการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานอื่นๆที่เกี่ยวกับสาธารณูปโภค
รวมทั้งการจัดโครง การให้กู้ยืมระยะยาวดอกเบี้ยต่ำและโครงการจัดหางานอาชีพอื่นให้ทำ
จึงมอบให้สำนักนายกรัฐมนตรี (กฟผ.) กระทรวงมหาดไทย(กฟภ.และการประปาส่วนภูมิภาค)
กระทรวงอุตสาหกรรม กระทรวงเกษตรฯ กระทรวงการคลัง กระทรวงแรงงานฯรับไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่รับผิดชอบ
ทั้งนี้โดยไม่ผูกพันกับ กรณีการสร้างเขื่อนสิรินธร
กรณีที่จังหวัดกำลังดำเนินการเกี่ยวกับข้อเสนอของคณะกรรมการฝ่ายราษฎรเกี่ยวกับการให้ราษฎร
มีส่วน ร่วมในการจัดการทรัพยากรอ่างเก็บน้ำ ซึ่งต้องมีการแก้ไขกฎหมายที่เกี่ยวข้อง
ให้จังหวัดดำเนินการจัด สัมมนาและประสานงานกับส่วนราชการที่เกี่ยวข้องต่อไป
สำหรับการระงับคดี ให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวิทยาศาสตร์ฯรับไปดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรี
22 เมษายน 2539 ต่อไป
|
27 มกราคม 2540 |
สมัชชาคนจนเห็นว่ายังไม่มีความชัดเจนในเรื่องการช่วยเหลือราษฎรจึงยื่นข้อเสนอเรียกร้องต่อรัฐบาล
มีการเจรจาในกลุ่มผู้ได้รับผลกระทบจากการสร้างเขื่อนมีนายอดิศร เพียงเกษ
เป็นประธาน
|
14 มีนาคม 2540 |
จากการเจรจากันในวันที่ 27 มกราคม 2540 ได้มีการประชุมพิจารณาแนวทางการช่วยเกลือราษฎร ตาม ข้อเสนอของคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงระดับจังหวัด
โดยเชิญส่วนราชการที่เกี่ยวข้องหลายฝ่าย มีมติที่ประชุมดังนี้
ให้ช่วยเหลือราษฎรที่ได้รับผลกระทบจากโครงการเขื่อนสิรินธรตามที่คณะกรรมการตรวจสอบ
ข้อเท็จ จริงระดัลบจังหวัดเสนอมาจำนวน 2,526 ครัวเรือน และจัดหาที่ดินให้ครัวเรือนละ
15 ไร่
ให้มีคณะทำงานเพื่อตรวจสอบว่ามีพื้นที่ที่จะนำมาจัดสรรหรือไม่
ภายหลังการตรวจสอบให้นำข้อมูลที่ได้มาร่วมกันพิจารณาความเหมาะสมในการจัดสรรอีกครั้งหนึ่ง
|
19 มีนาคม 2540 |
คณะทำงานเพื่อตรวจสอบว่ามีพื้นที่ที่จะนำมาจัดสรรหรือไม่
ลงพื้นที่ ผลสำรวจสรุปว่า ที่ดินที่จะนำมาจัด ให้ราษฎรมีอยู่เพียงหนึ่งแปลงเนื้อที่
1,519 ไร่
|
4 เมษายน 2540 |
การประชุมกลุ่มปัญหาเขื่อน มีนายอดิศร เพียงเกษ
เป็นประธาน พิจารณาแนวทางการดำเนินการจัดสรร ที่ดินให้ราษฎร ที่ประชุมหาข้อสรุปไม่ได้
จึงมีความเห็นจะนำข้อเสนอในที่เจรจา 2 แนวทางหลักปรึกษา นายกรัฐมนตรีต่อไป
การนำที่ดินในเขตนิคมสร้างตนเองประมาณ 1,519
ไร่ มาจัดให้ราษฎรบางส่วน
การจัดหาที่ดินส่วนที่เหลือราษฎรจะหาซื้อเอง
โดยนำหลักการกองทุนที่ดินโดยไม่ต้องจ่ายคืนรัฐมาใช้
|
11 เมษายน 2540 |
มีการเจรจาระหว่างผู้แทนสมัชชาคนจนกับผู้แทนรัฐบาลมีมติว่า
ที่ประชุมมีข้อสรุปให้รมช.วว.(นายอดิศร เพียงเกษ) จัดตั้งคณะทำงานพิจารณารายละเอียดเกี่ยวกับการจัดหาที่ดินให้เป็นไปตามทางที่ตกลงกันไว้
ในการประชุมเจรจาแก้ไขปัญหาเรื่องเขื่อนสิรินธรวันที่ 4 เมษายน 2540 ณ กระทรวงวิทยาศาสตร์ฯเสนอ
ที่ประชุมการเจรจาปัญหาเรื่องเขื่อนให้ความเห็นชอบก่อนนำเสนอครม.
|
17 เมษายน 2540 |
มติ ครม.ตามผลการเจรจาวันที่ 11 เมษายน 2540
และรมช.วว.มีคำสั่งที่ 91/2540 ลงวันที่ 17 เมษายน 2540 เรื่องแต่งตั้งคณะทำงานช่วยเหลือราษฎรที่ได้รับผลกระทบจากเขื่อนสิรนธร
ดำเนินการตามมติ ครม.
|
29 เมษายน 2540
|
ครม.ประชุมปรึกษา ลงมติว่า เห็นชอบผลการเจรจาเพื่อแก้ปัญหาสมัชชาคนจนกรณีผู้ได้รับผลกระทบ
จากโครงการสร้างเขื่อน กรณีเขื่อนสิรินธรดังนี้
เห็นชอบกับการช่วยเหลือราษฎร จำนวน 2,526
ครอบครัว ตามที่คณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงเพื่อ ช่วยเหลือราษฎรที่ได้รับผลกระทบจากเขื่อนสิรินธร
โดยจัดสรรที่ดินให้ครอบครัวละ 15 ไร่
เนื่องจากที่ดินที่จะต้องทำการจัดสรรให้แก่ราษฎรทั้งหมด
37,890 ไร่ แต่คณะทำงานฯสามารถหาที่ดินที่จะ นำมาจัดสรรที่อยู่ในเขตนิคมสร้างตนเองลำโดมน้อยได้เพียง
1,519 ไร่ และปัจจุบันสภาพพื้นที่เป็นป่า กำลังฟื้นตัว ไม่สมควรนำมาจัดสรร
ควรปล่อยให้เป็นป่าสมบูรณ์ต่อไป ส่วนที่ดินอื่นๆเหมาะสมกับการ เกษตรอยู่ไกล
คณะทำงานไม่สามารถจัดหาได้
จากเหตุผลดังกล่าวข้างต้น จึงเห็นสมควรเสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาอนุมัติงบประมาณช่วยเหลือเป็นกรณี
พิเศษ ให้ราษฎรจัดซื้อที่ดินด้วยตนเองครอบครัวละ 15 ไร่ ในอัตราไร่ละ 32,000
บ. คิดเป็น ครอบครัวละ 480,000 ไร่ รวมเป็นเงิน 1,212,480,000 บาท(หนึ่งพันสองร้อยสิบสองล้านสี่แสนแปดหมื่นบาท)
เพื่อให้การแก้ไขปัญหาในเรื่องนี้เป็นไปอย่างมีระบบและแก้ไขปัญหาระยนะยาว
จึงมีมติอนุมัติหลักการให้ จัดตั้งกองทุนเพื่อแก้ไขปัญหาเกษตรกรโดยเฉพาะ
ให้กระทรวงการคลังรับไปพิจารณาดำเนินการ ระหว่าง ดำเนินการ ให้คณะทำงานยังคงจัดหาที่ดินต่อไป
|
2 กันยายน 2540 |
ครม.อนุมัติให้กระทรวงการคลังนำเงินที่ได้รับจัดสรรจากสำนักงบประมาณ
จำนวน 1,200 ล้านบาท เข้า กองทุนสงเคราะห์เกษตรกร เพื่อนำไปใช้จ่ายในการจัดหาที่ดินให้แก่เกษตรกรที่ได้รับผลบกระทบจาก
โครงการสร้างเขื่อน
|
22 ตุลาคม 2540 |
นายอดิศร เพียงเกษ รมช.วว.ประธานคกก.ติดตามการแก้ไขปัญหากลุ่มเขื่อน
ได้ทำหนังสือที่ วว 0100/5034 นำเสนอเรื่องเขื่อนสิรินธรเข้าสู่การพิจารณาของครม.ดังนี้
ให้ยืนยันไปยังกองทุนสงเคราะห์เกษตรกรตามมติครม.
2 ก.ย.2540 เพื่อชดเชยผู้ได้รับผลกระทบจากการ สร้างเขื่อนสิรินธร ตามมติครม.
29 เม.ย.2540
ขออนุมัติงบกลาง จำนวน 12,480,000 บาท เพื่อชดเชยให้กับราษฎรที่ได้รับผลกระทบจากการสร้างเขื่อน
สิรินธร โดนโอนเข้ากองทุนสงเคราะห์เกษตรกร เพื่อสมทบกับเงินจำนวน 1,200 ล้านบาท
ที่ได้โอนเข้า กองทุนสงเคราะห์เกษตรกรไปก่อนแล้วตามมติครม.2 ก.ย.2540
แต่มีการเปลี่ยนแปลงคณะรัฐมนตรีใหม่ จึงไม่ได้มีการนำเข้าสู่การพิจารณาของครม.ตามที่นายอดิศร
เพียงเกษเสนอไว้ และไม่ได้มีการดำเนินการจ่ายเงิน
(เนื่องจากรัฐบาลพลเอกชวลิต ยงใจยุทธได้ลาออก)
|
13 กุมภาพันธ์ 2541 |
ประชุมคณะกรรมการติดตามการแก้ไขปัญหากลุ่มเขื่อน
กรณีเขื่อนสิรินธร ที่ประชุมมีมติให้เสนอเรื่องเข้า สู่การพิจารณาของคณะรัฐมนตรี
ใน 2 ประเด็นตามหนังสือ วว 0100/5034
|
21 เมษายน 2541 |
ไม่ให้มีการจ่ายค่าชดเชยซ้ำซ้อนยบ้อนหลังสำหรับกรณีเขื่อนที่สร้างไปแล้ว
|
2 มิถุนายน 2543 |
นายบัญญัติ บรรทัดฐาน รองนายกรัฐมนตรี แต่งตั้งคณะกรรมการกลางเพื่อแก้ไขปัญหาสมัชชาคนจน
ตาม ที่สมัชชาคนจนได้เรียกร้องให้มีการแก้ไขปัญหา 16 กรณีปัญหา รวมถึงกรณีปัญหาเขื่อนสิรินธร
|
6 กรกฎาคม 2543 |
คณะกรรมการกลางรายงานสรุปมติคณะกรรมการกลางเพื่อแก้ไขปัญหาสมัชชาคนจน
เสนอนายบัญญัติ บรรทัดฐาน กรณีเขื่อนสิรินธร ดังนี้
เพื่อเป็นการช่วยเหลือชาวบ้านที่ได้รับความเดือดร้อน
รัฐบาลควรจ่ายค่าชดเชยให้แก่ชาวบ้านเป็นการ เฉพาะกรณี โดยไม่ให้มีผลผูกพันกรณีอื่นๆ
กรณีบ.โนนจันทร์เก่า ให้สั่งการเพื่อดำเนินการตรวจสอบการใช้ประโยชน์จากพื้นที่
หากไม่ได้ใช้ประ โยชน์ในกิจการของกฟผ. ควรพิจารณาคืนให้แก่ชาวบ้านตามข้อเรียกร้อง
ตามมาตรา 49 วรรคท้ายของ รัฐธรรมนูญ พ.ศ.2540 โดยจ.อุบลราชธานีเป็นผู้ประสานงาน
|
25 กรกฎาคม 2543 |
ครม.ประชุมพิจารณาเรื่องมติคณะกรรมการกลางแก้ไขปัญหาสมัชชาคนจน
กรณีเขื่อนสิรินธร มีมติ ไม่ เห็นชอบ เนื่องจากการจ่ายค่าชดเชยแก่ผู้ได้รับผลกระทบจากการสร้างเขื่อนสิรินธรครบถ้วนแล้ว
ประ กอบกับคณะรัฐมนตรี มีมติเมื่อวัยที่ 21 เมษายน 2541 ไม่ให้จ่ายค่าทดแทนหรือค่าขดเชยซ้ำซ้อนย้อนหลัง
สำหรับเขื่อนที่สร้างเสร็จแล้ว
|