กรณีเขื่อนปากมูล
บ้านเมืองจะลุกเป็นไฟ ถ้าคนไทยไม่เข้าใจความรุนแรงเชิงโครงสร้าง
ประเวศ วะสี
(จาก นสพ.มติชน
ฉบับวันที่ 25 กรกฎาคม 2543 หน้า
1-2 )
ม็อบปากมูลปีนเข้าทำเนียบรัฐบาล
ควรหรือไม่ควร
ตำรวจตีม็อบ
ใครผิดใครถูก
ถ้าสนใจและเข้าใจเพียงเท่านั้นก็รับรองได้ว่าบ้านเมืองจะลุกเป็นไฟ
การปีนเข้าทำเนียบเป็นเพียงควันของไฟที่กำลังเผาประเทศไทย
ผมเตือนมาหลายครั้งในเวลาหลายปีที่ผ่านไปว่า
เรื่องคนจนและการแย่งชิงทรัพยากรในชนบท
จะทำให้เกิดความรุนแรงในบ้านเมือง
ปัญหาเรื่องคนจนและการแย่งชิงทรัพยากรในชนบทเป็นปัญหาความรุนแรงเชิงโครงสร้าง
ที่คนในเมืองไม่เข้าใจ
ที่ไม่เข้าใจเพราะเหตุใหญ่
ๆ 2 ประการ คือ
หนึ่ง
ด้วยวิธีเรียนและวิธีคิด
คนไทยไม่เข้าใจปัญหาเชิงโครงสร้าง
หรือกรรมเชิงโครงสร้าง
เข้าใจแต่เรื่องดีชั่วส่วนบุคคล
สอง
ชีวิตคนในเมืองแยกออกจากชีวิตของคนในชนบท
จนคนไทยในเมืองไม่เข้าใจแผ่นดินไทย
จึงไม่เข้าใจและไม่เห็นใจคนที่อยู่ติดแผ่นดินไทย
เดิมคนในชนบทดำรงชีวิตแบบเศรษฐกิจพอเพียง
มีชีวิตที่พอเพียง
มีการทำมาหากินที่พอเพียง
มีสิ่งแวดล้อมและทรัพยากรในการทำมาหากิน
เช่น ที่ดิน ป่าไม้
แหล่งน้ำที่พอเพียง
อยู่อย่างได้สมดุล
เป็นปกติมาช้านาน
การที่เศรษฐกิจจะพอเพียงนั้นต้องมีสิทธิในการใช้ทรัพยากรธรรมชาติ
เช่น ที่ดินป่าไม้ แหล่งน้ำ
ทรัพยากรในแม่น้ำ เช่น
กุ้งหอยปูปลา ซึ่งในครั้ง
โบราณเป็นสิทธิตามธรรมชาติของมนุษย์ที่จะมีทรัพยากรเหล่านี้เพื่อการยังชีพ
ทรัพยากรธรรมชาติหรือธรรมชาติเหล่านี้ก็เช่นเดียวกับอากาศที่
จำเป็นแก่ชีวิตมนุษย์ทุกคน
อากาศเป็นของกลางสำหรับมนุษย์ทุกคนได้ใช้
ถ้ามีอำนาจรัฐ
หรืออำนาจทุนมาผูกขาดอากาศเป็นของตน
ใครจะใช้ ต้องมาขออนุมัติ
หรือมาซื้อก็คงจะลำบากกันไปหมด
ฉันใด เรื่องที่ดิน ป่าไม้
แหล่งน้ำ ก็เช่นเดียวกัน
อำนาจรัฐและอำนาจทุนได้เข้าไปแย่งชิงทรัพยากรอันจำเป็นแก่การครองชีพของราษฎร
เป็นการไปเอาจากรายย่อยจำนวนมากมาให้รายใหญ่
จำนวนน้อย
รัฐออกกฎหมายให้ที่ดิน
ป่าไม้ แหล่งน้ำ เป็นของรัฐ
สุดแต่รัฐจะให้ใครหรือไม่ให้ใครใช้เท่าใด
ผลก็คือ
เกิดการบิดเบี้ยวของการใช้
เกษตรกรมีสิทธิในการใช้น้อยลง
สนามกอล์ฟ รีสอร์ต
และผู้กักตุนที่ดินมีสิทธิมากขึ้น
ชาวบ้านถูกขับไล่ออก
จากป่า
รัฐให้สัมปทานป่าไม้ต่อนายทุนรายใหญ่
รัฐสร้างเขื่อนซึ่งทำลายฐานทรัพยากรเพื่อเศรษฐกิจพอเพียงของชาวบ้าน
ชาวบ้านเคยต้มเหล้ากินเองรัฐก็ริบของเขามาให้รายใหญ่ผูกขาด
รัฐหักค่าพรีเมี่ยมข้าวซึ่งก็คือการเอาเงินจากชาวนา
รัฐยัดเยียดวิถีทางเกษตรกรรมปลูกพืชเชิงเดี่ยว
เช่น อ้อยอย่างเดียว
ปออย่างเดียว
มันสำปะหลังอย่างเดียว
ที่ทำให้เกษตรกรขาดทุน
มีแต่พ่อค้า
รายใหญ่ที่ร่ำรวยขึ้น
เป็นผลให้เกษตรกรประมาณ 80
เปอร์เซนต์เป็นหนี้สินที่ไม่มีวันหลุด
ที่ชาวบ้านเรียกว่า หนี้อมตะ
ฯลฯ
ถ้าเข้าใจเรื่องเหล่านี้
จะเห็นว่าการที่ชาวบ้านปีนข้ามรั้วที่ทำเนียบเป็นเรื่องเล็กมาก
ถ้าเทียบกับที่รัฐปีนรั้วเข้าไปในพื้นที่ของชาวบ้านทั้งประเทศ
มานานแล้ว
ทำให้เขายากจนสิ้นเนื้อประดาตัว
ต้องเจ็บป่วยล้มตาย
พลัดพราก
ขายลูกสาวมาเป็นโสเภณี
แน่นอน
ชาวบ้านที่ปีนรั้วเพื่อร้องทุกข์นั้น
ผิดกฎหมาย
แต่
รัฐที่ปีนรั้วของชาวบ้านเพื่อสร้างทุกข์
ไม่ผิดกฎหมาย
นี่แหละครับ
ที่เรียกว่าปัญหาเชิงโครงสร้าง
ปัญหาเชิงโครงสร้างทางกฎหมาย
ระบบเศรษฐกิจสังคม
และค่านิยม
ทำให้คนจนต้องจนลง
แก้ความยากจนไม่ได้
ไม่ว่ารัฐบาลใด ๆ
เพราะไม่ได้ แก้โครงสร้าง
ปัญหาความยากจนและการแย่งชิงทรัพยากรในชนบทจะทำให้เกิดความขัดแย้งมากขึ้นเรื่อย
ๆ เช่น
ขัดแย้งระหว่างราษฎรกับรัฐ
ขัดแย้งระหว่าง
ตำรวจกับราษฎรที่ยากจน
ขัดแย้งระหว่างคนจนกับคนรวย
ซึ่งอาจบานปลายไปถึงว่า
คนจนยกกันมาฆ่าคนรวย
เพื่อนผมคนหนึ่งเป็นแพทย์ผู้ใหญ่บอกผมว่า
เขาเตรียมตัวไปอยู่ต่างประเทศ
ในอนาคตคนจนจะต้องเล่นงานคนรวยแน่
ความกดดันของระบบ
เศรษฐกิจแบบทุน (ต่างชาติ)
นิยมก็จะทำให้คนจนกับคนรวยตีกันมากขึ้น
ต่อไปความขัดแย้งเพิ่มขึ้น
ๆ จนเป็นมิคสัญญี
ผมจึงเตือนว่า
ความยากจนและการแย่งชิงทรัพยากรในชนบทจะนำไปสู่ความรุนแรงในประเทศไทย
คนไทยทุกคนต้องร่วมกันแก้ไข
การแก้ไขที่สำคัญที่สุดต้องเริ่มที่ความเข้าใจว่า
ความยากจนเป็นปัญหาเชิงโครงสร้าง
อย่าไปเกลียดคนจน
การเคารพคุณค่าและศักดิ์ศรีความเป็นคนของคนทุกคนโดยเฉพาะคนเล็กคนน้อย
คนยากคนจน
เป็นศีลธรรมพื้นฐานถ้าขาดศีลธรรมพื้นฐานนี้
ประเทศเจริญไม่ได้
สังคมไทยขาดศีลธรรมพื้นฐานนี้เพราะถูกหล่อหลอมกันมาให้เกลียดคนจน
สังคมไทยเป็นสังคมที่เกลียดคนจน
ทำให้แก้ปัญหาความยากจนไม่ได้
ประเด็นหลักตอนนี้ไม่ใช่อยู่ที่ทะเลาะกันว่าใครผิดใครถูก
ซึ่งจะทำให้ความขัดแย้งทวีและสับสนมากขึ้น
ความขัดแย้งเชิงโครงสร้างนั้นหาใครผิด
ใครถูกแบบขาวหรือดำได้ยาก
สิ่งที่ผิดคือโครงสร้าง
ถ้าไม่แก้โครงสร้าง
โครงสร้างที่ผิดจะทำให้คนไทยตีกันตาย
ขอให้คนไทยทุกคน
พรรคการเมืองทุกพรรค
สถาบัน องค์กร ทั้งหมด
ถือโอกาสกรณีเขื่อนปากมูลทำความเข้าใจปัญหาเชิงโครงสร้าง
และช่วยกัน
แก้ปัญหาเชิงโครงสร้างเพื่อขจัดความยากจน
ต้องขจัดความยากจน
ประเทศจึงจะพัฒนาไปสู่สันติ
และคนไทยรักกันได้
สำหรับปัญหาเฉพาะหน้า
แก้ไม่ได้ด้วยเกมและกลไก
แต่แก้ได้ด้วย ใจ
ถ้ารัฐบาลรักและเห็นใจคนจนจริง
ๆ
ทุกอย่างจะมีทางออกและคลี่คลาย
ไปได้
คนเราทุกคนเปลี่ยนแปลงได้
เปลี่ยนจากเกลียดเป็นรักก็ได้
ถ้ารู้ความจริงโดยการสัมผัสความจริง
ความจริงคือคนจนไม่ใช่คนเลว
เขาจนเพราะโครงสร้างทางสังคมทำให้เขาจน
ถ้ารู้ความจริงนี้แล้ว
เปลี่ยนจากเกลียดคนจนเป็นรักคนจน
บ้าน
เมืองเราจะพัฒนาไปสู่ความร่มเย็นเป็นสุข
สบายบรื๋อเลยครับ |