โดย สมชาย ปรีชาศิลปกุล สาขาวิชานิติศาสตร์
มหาวิทยาลัยเชียงใหม
จาก นสพ. มติชน 4
พค. 47
http://www.matichon.co.th/matichon/matichon.php?s_tag=01act06050547&show=1&
sectionid=0130&day=2004/05/05
จําโฆษณาปลาร้าเต็มไหของ กฟผ.ได้ไหม?
เมื่อประมาณเกือบ 7-8 ปีก่อน ท่ามกลางสถานการณ์ความขัดแย้งในโครงการเขื่อนปากมูล
ที่จังหวัดอุบลราชธานี ชาวบ้านที่ได้รับผลกระทบบอกว่า การสร้างเขื่อนทำให้การขยายพันธุ์ปลาตามธรรมชาติถูกกีดขวาง
แต่ทาง กฟผ. ก็อ้างว่าได้มีการทำบันไดปลาโจนเพื่อให้ปลากระโดดข้ามและสามารถขึ้นไปแพร่พันธุ์ได้ตามปกติ
โฆษณาชุดปลาร้าเต็มไหก็ได้ถูกเผยแพร่ต่อสาธารณะเพื่อแสดงให้เห็นภาพบันไดปลาโจนที่สามารถทำให้ปลากระโดดข้ามเขื่อนปากมูลได้
ความอุมสมบูรณ์ในแม่น้ำก็จะไม่แตกต่างไปตามเดิม ชาวบ้านยังคงสามารถจับปลามาทำปลาร้าได้เต็มไห
ชาวบ้านที่คัดค้านโครงการเขื่อนปากมูลเคยท้าให้เจ้าหน้าที่ของ
กฟผ.มานั่งนับปลากันตรงบันไดปลาโจนว่าจะมีปลาสักกี่ตัวที่สามารถกระโดดข้ามเขื่อนปากมูลมาได้
แต่ก็ยังไม่มีการรับคำท้าดังกล่าว ขณะที่งานวิจัยหลายชิ้นได้ยอมรับว่าบันไดปลาโจนไม่สามารถทำให้ปลาแพร่พันธุ์ตามธรรมชาติดังที่เคยเป็นมา
แม้จะไม่มีหลักฐานสนับสนุนถึงประสิทธิภาพของบันไดปลาโจน
แต่โฆษณาชุดนี้ก็ถูกนำออกเผยแพร่สู่สาธารณะอย่างกว้างขวาง
เช่นเดียวกับโฆษณาแปรรูป กฟผ. ที่กำลังโหมแพร่ภาพอยู่ทางโทรทัศน์ในขณะนี้
อาจารย์ประสาท มีแต้ม จากมหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ ได้ชี้ให้เห็นประเด็นว่าโฆษณาชุดนี้เลือกที่จะให้ข้อมูลบางส่วนแก่สาธารณะ
และปกปิดข้อมูลบางด้าน ดังการกล่าวข้อมูลหนี้สินของ กฟผ. แต่ไม่ได้กล่าวถึงทรัพย์สินโดยรวมขององค์กร
หรือการกล่าวถึงสัดส่วนการผลิตไฟฟ้าของภาคเอกชนที่เพิ่มขึ้นในระบบไฟฟ้า โดยไม่อธิบายว่าส่วนหนึ่งเป็นความผิดพลาดในการบริหารงานขององค์กรที่อยู่ภายใต้การควบคุมของรัฐบาลโดยตรง
ทั้ง 2 เหตุการณ์บอกอะไรแก่เราได้บ้าง
ในฐานะของประชาชนธรรมดาที่รับรู้เหตุการณ์ต่างๆ ผ่านสื่อสารมวลชน
ข้อมูล ข่าวสารจากสื่อย่อมมีส่วนอย่างสำคัญต่อการกำหนดจุดยืน ทรรศนะคติของผู้รับสื่อต่อปรากฏการณ์
การได้รับข้อมูลกลุ่มหนึ่งย่อมมีผลต่อการสนับสนุนหรือคัดค้านในประเด็นต่างๆ
ที่กลายเป็นข้อขัดแย้งขึ้นในสังคม
ถ้าชาวบ้านจากเขื่อนปากมูลมีทุนเพียงพอจะทำโฆษณาเพื่อชี้ให้เห็นว่า
เขื่อนปากมูลนอกจากทำลายวิถีชีวิตของชุมชนในลุ่มน้ำมูลแล้ว เขื่อนนี้ยังมีความไม่คุ้มค่า
เพราะไม่สามารถใช้ผลิตกระแสไฟฟ้าได้ทั้งปี โดยสมมุติว่าทาง กฟผ.ไม่สามารถตอบโต้ทางสื่อได้
บางทีบทสรุปของเขื่อนปากมูลอาจไม่ได้เป็นอย่างที่เป็นอยู่ในทุกวันนี้ก็ได้
แต่ในความจริงก็ไม่ได้เป็นเช่นนั้น
ในการดำเนินโครงการขนาดใหญ่ของรัฐในปัจจุบันที่มีผลกระทบรุนแรงติดตามมา
เช่น การสร้างเขื่อน โครงการโรงไฟฟ้า โครงการท่อก๊าซ มักก่อให้เกิดผู้ที่ไม่เห็นด้วยกับการดำเนินโครงการเกิดขึ้น
ซึ่งการมีความเห็นที่แตกต่างย่อมเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นในสังคมประชาธิปัตย์ที่ผู้คนอาจมีความเห็นกันไปในคนละทิศทาง
บนฐานของความรู้ความเชื่อที่ไม่เหมือนกัน ทางออกของความขัดแย้งเช่นนี้ก็คือการถกเถียงแลกเปลี่ยนบนหลักของการใช้เหตุและผล
เพื่อให้เกิดการตัดสินใจที่ได้มีการใช้ความรู้อย่างเต็มที่
แต่สำหรับสังคมไทย ความขัดแย้งในลักษณะเช่นนี้มักดำเนินไปด้วยการปิดล้อมทางสื่อจากหน่วยงานของรัฐหรือธุรกิจขนาดใหญ่
ดังที่สามารถพบเห็นได้ว่า ขณะที่มีการโต้แย้งคัดค้านโครงการ
หน่วยงานที่รับผิดชอบโครงการนั้นๆ ก็จะซื้อโฆษณาทางสื่อมวลชนหลายแขนง เพื่อใช้เป็นช่องทางในการนำเสนอข้อมูลด้านเดียวจากฝ่ายของตน
หรือบางครั้งหน่วยงานเหล่านี้มักเป็นผู้ซื้อโฆษณารายใหญ่ของสื่อต่างๆ
ก็อาจเกิดการเซ็นเซอร์ตัวเองของสื่อที่จะไม่นำเสนอข่าวซึ่งเป็นผลกระทบต่อองค์กรที่เป็นลูกค้าของตน
ผลกระทบที่เกิดขึ้นไม่ใช่เพียงการลดทอนความน่าเชื่อถือของผู้ที่คัดค้านโครงการลงเท่านั้น
แต่ยังส่งผลต่อเนื่องถึงสังคมด้วย เพราะการส่งข่าวสารบางด้านออกมาย่อมนำไปสู่การตัดสินใจที่ไม่เหมาะสม
เพราะไม่สามารถมองเห็นผลดีและผลเสียอย่างรอบด้าน การสร้างเขื่อนและวางแผนการจัดการไฟฟ้าที่ล้มเหลวของ
กฟผ. ก็นำมาสู่ค่าไฟฟ้าที่สูงขึ้นของทุกคนในสังคม
จะยอมให้การโฆษณาชวนเชื่อในลักษณะเช่นนี้เกิดขึ้นต่อไปเรื่อยๆ
กระนั้นหรือ
จะทำอย่างไรเพื่อไม่ให้สังคมถูกหลอกจากการโฆษณาข้อมูลฝ่ายเดียว
ปัจจุบันมีการคุ้มครองผู้บริโภคจากการโฆษณาสินค้า และบริการที่เกินไปจากความจริง
ทั้งโดยหน่วยงานของรัฐและองค์กรเอกชน รวมถึงประชาชนที่ไม่ได้รับสินค้าและบริการตามที่อวดอ้าง
แม้ว่าการโฆษณาดังที่กล่าวมาจะมิได้มุ่งขายสินค้าหรือบริการโดยตรง
แต่ก็เห็นได้ว่าผลที่กระทบตามมามีผลไม่น้อยไปกว่ากัน คำโฆษณาที่บิดเบือนความจริง(ปลาร้าเต็มไห)
หรือการเลือกนำเสนอข้อมูลด้านเดียว(แปรรูป กฟผ.) ควรต้องถูกตรวจสอบถึงความถูกต้องของสิ่งที่ถูกนำเสนอด้วย
อันเป็นปัญหาสำคัญว่าปัจจุบันยังไม่มีระบบการตรวจสอบการโฆษณาในลักษณะเช่นนี้
สังคมไทยจึงเต็มไปด้วยสื่อโฆษณาที่ทั้งโกหกอย่างหน้าด้านๆ และอย่างแนบเนียน
ลำพังเพียงปัจเจกบุคคล อาจไม่มีกำลังและความสามารถเพียงพอต่อการตรวจสอบข้อมูลข้อเท็จจริงที่ถูกนำเสนอผ่านสื่อมวลชน
บทบาทของกลุ่มองค์กรต่างๆ จึงมีความจำเป็นในการโต้แย้งเพื่อไม่ให้มีการหลอกลวงอย่างเสรี
สหภาพ กฟผ. ควรได้รับการยกย่องต่อการตรวจสอบสื่อที่เอียงข้างในการโฆษณานโยบายแปรรูป
กฟผ. ว่าเป็นการนำเสนอข้อมูลอย่างไม่เป็นธรรม
แต่บทบาทนี้ควรขยายออกไปถึงโฆษณาอีกหลายชิ้นของ กฟผ. ซึ่งมีเนื้อหาไม่แตกต่างออกไป
ทั้งที่ได้เกิดขึ้นในอดีต เช่น โฆษณาปลาร้าเต็มไห และที่จะเกิดขึ้นต่อไปในอนาคตอีกมากในโครงการต่างๆ