แถลงการณ์สมัชชาคนจน
ทำไมจึงไม่ยอมรับมติคณะรัฐมนตรี
กรณีเขื่อนปากมูล
วันที่
๑๖ มกราคม ๒๕๔๖ ณ
ทำเนียบรัฐบาล
ตามมติคณะรัฐมนตรี
เมื่อวันที่ ๑๔ มกราคม ๒๕๔๖
กรณีเขื่อนปากมูล
ได้ยืนยันให้เปิดปีระตูน้ำ
๔ เดือน ปิด ๘ เดือน รวมทั้งมอบหมายให้กรมชลประทาน
จัดทำคลองส่งน้ำ
กรมประมงสนับสนุนการปรับเปลี่ยนเครื่องมือประมงให้เหมาะสมกับประมงน้ำลึก
ทั้งนี้ให้การไฟฟ้าฝ่ายผลิตฯ
สนับสนุนงบประมาณดำเนินการของกรมประมงและการขยายพันธุ์และปล่อยพันธุ์ปลาชนิดต่างๆลงในแม่น้ำมูน
สมัชชาคนจน ได้ศึกษาเอกสารมติคณะรัฐมนตรีดังกล่าว แล้วพบความไม่โปร่งใสในการตัดสินใจ ดังนี้
๑.การตัดสินใจของคณะรัฐมนตรีในครั้งนี้เป็นไปตามอัตวิสัย
ไม่มีเหตุผลทางวิชาการรองรับ
ความผิดพลาดที่สำคัญ คือ การนำวัตถุประสงค์ของโครงการเขื่อนปากมูลมาเป็นหลักในการพิจารณา
ซึ่งวัตถุประสงค์ของโครงการมักจะเขียนไว้อย่างสวยงาม
เช่นกรณีเขื่อนปากมูล
ระบุว่าเป็นเขื่อนอเนกประสงค์มีผลประโยชน์ในด้านการผลิตกระแสไฟฟ้า
การชลประทาน และการประมง
แต่ความจริงที่ได้จากการศึกษาของมหาวิทยาลัยอุบลราชธานีพบว่า เขื่อนปากมูลผลิตกระแสไฟฟ้าไม่คุ้มค่าตามที่คาดการณ์ไว้ ไม่มีผลประโยชน์ด้านการชลประทาน
และทำให้เกิดผลกระทบต่อทรัพยากรและการประกอบอาชีพประมง เป็นจุดก่อเกิดของปัญหาตั้งแต่อดีตมาจนถึงปัจจุบัน
๒.การสร้างหลักฐานเท็จมารองรับการตัดสินใจ
หากติดตามการแก้ไขปัญหาเขื่อนปากมูลมาตั้งแต่ต้น
จะพบว่า
การตัดสินใจเปิดประตูน้ำ ๔
เดือน
ตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่
๑ ตุลาคม ๒๕๔๕
รัฐบาลอ้างความชอบธรรมว่าเป็นการตัดสินใจตามผลการศึกษาของมหาวิทยาลัยอุบลฯ
แต่เมื่อสมัชชาคนจนคัดค้านจนกระทั่งนายกรัฐมนตรียอมเปิดเวทีสาธารณะ
คณะนักวิจัยจากมหาวิทยาลัยอุบลฯได้ยืนยันว่าข้อเสนอของมหาวิทยาลัยอุบลฯคือการเปิดประตูน้ำตลอดปี
ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา
รัฐบาลจึงวิพากษ์วิจารณ์ผลการศึกษาของมหาวิทยาลัยอุบลฯอย่างต่อเนื่อง
สุดท้ายรัฐบาลได้มอบหมายให้สำนักงานสถิติแห่งชาติไปสำรวจความคิดเห็นประชาชนในพื้นที่เขื่อนปากมูล
โดยมีข้อสรุปว่าประชาชนส่วนใหญ่ต้องการให้เปิดประตูน้ำ
๔ เดือน ปิด ๘ เดือน มาสร้างความชอบธรรมรองรับการตัดสินใจ
แต่เมื่อพิจารณาการสำรวจของสำนักงานสถิติแห่งชาติ
แล้วพบว่าพื้นที่ที่ทำการสำรวจส่วนใหญ่ไม่เกี่ยวข้องกับเขื่อนปากมูล
เช่น
ไปสำรวจความคิดเห็นของชาวบ้านที่ได้รับผลกระทบจากเขื่อนสิรินธร
ไปสำรวจความคิดเห็นของชาวบ้านที่อยู่กลางอุทยายานผาแต้ม
ริมแม่น้ำโขง
ในพื้นที่ตำบลนาโพธิ์กลาง
ซึ่งไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกลับแม่น้ำมูลแม้แต่น้อย
ทีสำคัญ มติคณะรัฐมนตรีดังกล่าวเป็นการเดินซ้ำลอยแห่งความล้มเหลวในอดีต
เพราะที่ผ่านมารัฐบาลได้ทุ่มเงินจำนวนมหาศาลในการเพาะพันธุ์ปลา
ด้วยการตั้งสถานีเพาะพันธุ์ปลาน้ำจืดที่บ้านหัวเห่ว
และจ้างชาวบ้านอนุบาลลูกปลาธรรมชาติเพื่อปล่อยลงแม่น่ำมูนแต่ปริมาณปลาในแม่น้ำมูลก็ไม่เพิ่มขึ้น
ขณะที่ด้านการชลประทาน
คลองส่งน้ำที่มีอยู่เดิมมีราษฎรขอใช้น้ำเพียง
๑๕% ของพื้นที่ จึงไม่มีความจำเป็นที่จะต้องสร้างขึ้นใหม่
สมัชชาคนจนจึงขอคัดค้านมติคณะรัฐมนตรีดังกล่าว
ที่ตัดสินใจแก้ปัญหาด้วยอัตวิสัย
ไม่สนใจความเดือดร้อนของชาวบ้าน
ดังนั้นพวกเราจึงต้องชุมนุมเรียกร้องด้วยความสงบและสันติเพื่ออธิบายความจริงให้สาธารณชนรับทราบต่อไป
ด้วยความเชื่อมั่นในพลังประชาชน
สมัชชาคนจน
|