eng homeabout usmekong riversalween rivermun riverthai baan researchpublication
 

เรื่องที่ต้องใช้หัวใจอ่าน :
บันทึกผู้สังเกตการณ์ นาทีระทึก ดันชาวบ้านปากมูนพ้นรั้วทำเนียบฯ 

เรื่อง :  มุทิตา  เชื้อชั่ง
ภาพ :  คิม ไชยสุขประเสริฐ, เบญมาศ บุญฤทธิ์, อุเชนทร์ เชียงเสน
ประชาไท   11/7/2550

10 กรกฎาคม 2550   ประตู 4 ทำเนียบรัฐบาล  กรณีชาวบ้านปากมูนนั่งหลบฝนที่ทำเนียบไม่ยอมกลับเพื่อขอเจรจาให้เปิดเขื่อน

“คุยกันสองชั่วโมง ไม่ได้อะไรเลยพี่น้อง แล้วยังให้ไปคุยกับผู้ว่าฯ ให้ตั้งกรรมการศึกษาใหม่ ให้ไปเริ่มต้นใหม่กันอีก”

“เขาไม่แน่ใจว่าพี่น้องมีผลกระทบจริงไหม นายกฯ คนนี้ฟังแต่ข้าราชการประจำ ไล่เราไปหาผู้ว่าฯ เหมือนเดิม แล้วอ้างว่าเปิดเขื่อนไม่ได้หรอก รัฐบาลเหลือเวลาแค่ 2 เดือน คล้ายๆ เป็นรัฐบาลเงา ทำอะไรไม่ได้”

สิ้นเสียงประกาศของแม่คำปอง เวียงจันทร์ หนึ่งในแกนนำสมัชชาคนจนที่เข้าไปเจรจากับเจ้าหน้าที่รัฐยามวิกาลกว่า 2 ชั่วโมง ชาวบ้านที่เหลืออีก 60 กว่าคนก็ปรบมือกันลั่นเพื่อเป็นเกียรติให้รัฐบาลที่ “เฮ็ดหยังบ่ได้” และเฉลิมฉลองการเริ่มต้นต่อสู้ใหม่ของพวกเขา หลังจากสู้มาแล้ว 18  ปี

เป็นการประชดประชันเล็กๆ น้อยๆ ท่ามกลางแววตาเศร้าสร้อยของชาวบ้านที่มารอฟังมติครม. ตั้งแต่เช้า ตามคำให้สัญญาของผู้หลักผู้ใหญ่ แต่ครม.ในวันนี้ไม่มีการประชุมเรื่องนี้ และไม่มีใครออกมาแจ้งให้ชาวบ้านทราบ

ก่อนหน้านี้ ชาวบ้านปากมูน ทยอยกันขึ้นรถไฟ (เลี่ยงด่านสกัดของทหาร) เดินทางมากรุงเทพฯ หลายครั้ง เพื่อร่วมเสวนา แถลงข่าว ยื่นหนังสือ ฯลฯ สอบถามความไม่ชอบมาพากลของการกลับมติครม.อย่างกะทันหัน จาก “เปิดเขื่อน” เป็น “ปิดเขื่อน” ภายในเวลาสองสัปดาห์ตามข้อเสนอของ กอ.รมน. และเรียกร้องให้ทบทวนเรื่องนี้โดยด่วน เพราะประตูเขื่อนขวางเส้นทางของฝูงปลาที่กำลังเตรียมอพยพจากแม่น้ำโขงสู่แม่น้ำมูนในฤดูนี้

แม่คำปองเคยเล่าเมื่อไม่นานมานี้ว่า ในช่วงเวลา 4 เดือนที่รัฐบาลยอมเปิดเขื่อนตามที่ตกลงกันไว้ตั้งแต่ปี 47  เป็นช่วงเวลาที่ความสมบูรณ์กลับคืนสู่แม่น้ำ ชาวบ้านจะพากันเตรียมเรือ เตรียมเครื่องมือหาปลาจดจ้องกันที่บานประตูเขื่อน ลูกๆ หลานๆ เกือบทั้งหมดของชาวบ้านที่นั่นที่เข้ามาทำงานในกรุงเทพฯ ก็จะกลับมาหาปลากันในช่วงนี้จำนวนไม่น้อย  รวมถึงลูกของแม่คำปองที่ต้องระเห็จไปหากินไกลบ้าน รับจ้างกรีดยางใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้

คนส่วนใหญ่ไม่มีที่ทำกิน รายได้จึงมาจากเงินที่ลูกหลานส่งเสีย งานฝีมือที่เป็นรายได้เสริม และจากการหาปลาในช่วงเปิดเขื่อนนี้เอง เราอาจจะจินตนาการความสมบูรณ์ของลำน้ำเวลาเปิดเขื่อนในฤดูปลาอพยพได้จากรายได้ของชาวประมงพื้นบ้าน เพราะปีที่แล้วแม่คำปองหาปลาได้เป็นเงินนับหมื่นบาท

“อดหิวที่นี่ ดีกว่าไปอดหิว บ่มีหยังกินที่บ้านเฮา พี่น้องมานี่ไม่ได้ง่ายดาย มาเพราะเขาบอกว่าจะแก้ปัญหาให้ แต่มาแล้วก็ไม่มีอะไรชัดเจน ไม่รู้จะกลับไปบอกพี่น้อง ลูกหลานเราที่กำลังรออยู่ว่ายังไง ที่นี่เป็นที่ปิดเขื่อน เราก็ต้องอยู่คุยกันตรงนี้” ลุงคนหนึ่งออกความเห็นผ่านโทรโข่ง และได้รับเสียงสนับสนุนจากชาวบ้านส่วนใหญ่ แม้ฝนจะยังตกพรำๆ ด้านนอก และพื้นคอนกรีตบริเวณทางออกประตู 4 ทำเนียบรัฐบาลจะมีน้ำขังเจิ่งนองจนหลายคนต้องยืน ไม่มีที่นั่ง

คนเฒ่าคนแก่คือประชากรส่วนใหญ่ที่ดื้อเพ่งอยู่ ณ ประตู 4 นั้น บางคนดูซึมเซา อิดโรย ในขณะที่หลายคนยังกระชับกระเฉง และเถียงกับเจ้าหน้าที่ตำรวจเป็นพักๆ  หลังจากได้กินข้าวกล่องซึ่งที่ปรึกษารัฐมนตรีสั่งซื้อมาเลี้ยง

การไกล่เกลี่ยดำเนินไป ตำรวจพยายามอธิบายถึงความจำเป็นในการทำหน้าที่รักษาพื้นที่ราชการ โดยยินดีจะจัดเต็นท์ให้ชาวบ้านได้รวมกลุ่มกันด้านนอกกำแพงทำเนียบฯ 

“18 ปีสู้กันมายังไม่จบ จะให้จบคืนนี้ได้อย่างไร พรุ่งนี้ มะรืนนี้ยังมี ก็ต้องค่อยๆ คุยกันไป” นายตำรวจระดับผู้ใหญ่คนหนึ่งพยายามสื่อสาร

“กี่ทีกี่ทีก็บอกให้ใจเย็นๆ ค่อยๆ แก้ แก้ที่ละเปลาะ เปลาะพ่อ เปลาะแม่_สิ นี่มัน 10 กว่าปีแล้ว” คุณป้าอารมณ์ดีที่มักพูดเรียกเสียงฮาจากหมู่เฮาตะโกนสวนเจ้าหน้าที่ นักข่าวบางคนหัวเราะ แต่ก็ต้องหยุดชะงักเมื่อพบว่านี่ไม่ใช่มุข รายงานข่าวแจ้งว่า...ท้ายเสียงป้าสั่นเครือและมีน้ำตาซึม

มองออกไปด้านนอก กองเชียร์ทยอยเดินทางมาเกาะประตูรั้วทำเนียบฯ เพื่อให้กำลังใจชาวบ้าน ประกอบด้วยเอ็นจีโอหลายสำนัก และนักวิชาการหลายคน จู่ๆ คนหนึ่งในนั้นก็ตะโกนขึ้นสุดเสียง

“คุณรู้ความทุกข์ยากของพวกเขาบ้างไหม ชาวบ้านเขาไม่ทุกข์เขาจะมาทำไม เขามากันกี่ปีแล้ว คุณไปบอกนายกฯ ของคุณนู่น ไม่ใช่มากดดันไล่ชาวบ้าน ที่นั่งหัวหงอก กินหมากอยู่นี้มันเหมือนพ่อเหมือนแม่ของคุณไหม ไฟฟ้าที่คุณใช้มันคือเลือดเนื้อของชาวบ้านที่นั่งอยู่นี้ !!”

นานพอควร กว่าเจ้าหน้าที่คนที่ความรู้สึกไวที่สุดจะกล่าวว่า “ใจเย็นๆ ก่อน”

ท้ายที่สุด ตำรวจชั้นผู้ใหญ่ (กว่า) เดินทางเข้ามาเจรจาและบัญชาการเอง มีการเตือนว่า หากขอร้องดีๆ แล้วไม่ให้ความร่วมมืออาจต้องขนขึ้นรถตำรวจไปทั้งหมดเพื่อดำเนินคดี

หลังจากนั้น เจ้าหน้าที่ถูกเรียกมาสมทบตั้งกำลังสองสามแถวเตรียมเผชิญหน้า บางคนกำลังกดปิดโทรศัพท์มือถือหลังจากเพิ่งส่งเสียงสนทนาภาษาลาว ภาษาเดียวกับชาวบ้าน สีหน้าเจ้าหน้าที่ทุกคนนิ่ง เรียบ จนไม่อาจเดาได้ว่า ใครบ้างที่มาจากที่ราบสูง หรือกระทั่งใครบ้างที่มาจากอุบลราชธานี

ขณะเดียวกัน ชาวบ้านได้เชิญพ่อใหญ่ให้ลุกขึ้นมานำสวดมนต์ภาวนา เพื่อเรียกความสงบและสติกลับคืน พร้อมทั้งยืนยันการดื้อแพ่งอย่างสันติ แต่บทสวดมนต์เริ่มขึ้นไม่ทันไร ตำรวจก็เดินเข้าดันชาวบ้าน มีการจับตัวแกนนำ และยื้อยุดฉุกกระชากให้ออกไปนอกรั้ว ความชุลมุนเกิดขึ้น กองเชียร์จากด้านนอกกรูกันเข้ามาช่วยกันตำรวจออกจากแกนนำ ในขณะที่ผู้เฒ่าผู้แก่หลายคนถูกเชิญให้เดินออกไปด้วยดี

ชั่วไม่กี่นาที ทั้งหมดถูกดันออกมาบริเวณถนนหน้าทำเนียบ มีการโต้เถียงกันอย่างรุนแรง และโวยว่ามีเจ้าหน้าที่บางคนเตะชาวบ้าน มีผู้บาดเจ็บจากการดันดังกล่าว 2-3 คน รวมถึงแม่ใหญ่อายุ 70 กว่า กับ 80 กว่า โดนผลัก โดยเหยียบเท้าได้รับบาดเจ็บ

ผู้สื่อข่าวถ่ายภาพกันวิบวับ ส่วนใหญ่เป็นช่างภาพของหนังสือพิมพ์ 2-3 ฉบับ หากโชคดีไม่มีประเด็นร้อนทางการเมืองมากมายนัก หนังสือพิมพ์พรุ่งนี้กรอบบ่ายอาจมีภาพข่าว หรือข่าวเล็กๆ ของคืนนี้ปรากฏอยู่บ้าง

เกือบเที่ยงคืนแล้ว นานๆ จะมีรถวิ่งผ่านถนนด้านหน้าทำเนียบฯ ซักคัน ชาวบ้านทั้งหมดนั่งทอดอาลัยพักใหญ่ตรงป้ายรถเมล์หน้าประตู 4 ที่ที่พวกเขาคุ้นเคย สภาพมันอาจเปลี่ยนไปบ้าง แต่สิ่งหนึ่งที่ไม่เปลี่ยนคือ พวกเขายังคงต้องมาที่นี่...ปีแล้วปีเล่า ยังคงไม่ได้รับการเหลียวแล ถูกผลักไส และเจ็บปวอย่างเคย...

 

 
 

สมาคมแม่น้ำเพื่อชีวิต   138/1 หมู่ 4 ต.สุเทพ อ.เมือง จ.เชียงใหม่   50200
Living River Siam Association  138 Moo 4, Suthep, Muang, Chiang Mai, 50200   Thailand
Tel. & Fax.: (66)-       E-mail : admin@livingriversiam.org

ข้อมูลในเวปนี้สามารถนำไปเผยแพร่ได้โดยอ้างอิงแหล่งที่มา