สถานการณ์ล่าสุดโครงการสร้างเขื่อนบนแม่น้ำสาละวินในเขตรัฐฉาน
รายงานโดย
South East Asia River Network-Thailand chapter
และมูลนิธิคุ้มครองสัตว์ป่าและพรรณพืชแห่งประเทศไทย ในพระบรมราชินูปถัมภ์
8 มีนาคม 2542
แนวคิดการสร้างเขื่อนบนแม่น้ำสาละวินในเขตพม่ามีมาตั้งแต่ปลายทศวรรษ 1970 แต่ตราบจนปัจจุบันก็ยังไม่มีการสร้างเขื่อนขนาดใหญ่กั้นแม่น้ำสายหลัก มีเพียงเขื่อนที่กั้นแม่น้ำสาขาจำนวน 2 แห่ง มีกำลังการผลิตติดตั้งรวม 195 เมกะวัตต์ แม่น้ำสาละวินจึงถือได้ว่าเป็นแม่น้ำเพียงไม่กี่สายของโลกที่รอดพ้นจากการสร้างเขื่อนขนาดใหญ่
อย่างไรก็ตาม ความพยายามที่จะสร้างเขื่อนในเขตรัฐฉานก็ได้ดำเนินมาอย่างต่อเนื่อง นับแต่ต้นทศวรรษ 1980 เป็นต้นมา ซึ่งเป็นช่วงเดียวกันกับที่กลุ่มทุนญี่ปุ่นต้องการดำเนินโครงการสร้างเขื่อนไฟฟ้าพลังน้ำรอบเทือกเขา หิมาลัยอันเป็นส่วนหนึ่งของอภิมหาโครงการระดับโลกที่กลุ่มทุนญี่ปุ่นได้นำเอาวิธีการ New Deal มาใช้เพื่อแก้ปัญหาวิกฤตทางเศรษฐกิจของญี่ปุ่น โดยการหางานทำให้กับบรรดาทุนญี่ปุ่นที่ประกอบธุรกิจการสร้างเขื่อนและพลังงาน
เมื่อเกิดวิกฤตทางเศรษฐกิจโลกในปัจจุบัน กระแสการสร้างเขื่อนสาละวินในเขตรัฐฉานจึงเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง บทรายงานนี้จึงเสนอเพื่อให้เห็นถึงสถานการณ์ที่แท้จริงของโครงการเขื่อนบนลุ่มน้ำสาละวินโดยเฉาะในส่วนของนักสร้างเขื่อน
โครงการเขื่อนในเขตรัฐฉานสามารถแบ่งออกได้เป็น 2 กลุ่มด้วยกันคือ
1) โครงการเขื่อนต่าง ๆ ที่บริษัทที่ปรึกษาจากญี่ปุ่นกำลังศึกษาอย่างอิสระเพื่อเสนอและร่วมมือกับการไฟฟ้าฝ่ายผลิตของพม่า(the Myanmar Electric Power Enterprise: MEPE) ประกอบด้วยโครงการเขื่อนผลิตไฟฟ้า 2 แห่ง ที่ Baluchaung และโครงการเขื่อนกันน้ำแม่ปอน(Pawn River) ซึ่งเป็นแม่น้ำสาขาสายหลักทางฝั่งขวาของแม่น้ำสาละวิน โครงการหลังนี้จะมีกำลังการผลิตติดตั้งรวม 48 เมกะวัตต์ ขณะนี้ทำการศึกษาขั้นความเหมาะสม(Feasibility Study)เสร็จเรียบร้อยแล้ว
2) โครงการเขื่อนที่เป็นความร่วมมือกันระหว่างบริษัทที่ปรึกษาด้านวิศวกรรมของญี่ปุ่นและ การไฟฟ้าของฝ่ายผลิตของพม่าและหน่วยงานสร้างเขื่อนของไทย โครงการที่สำคัญที่สุดก็คือ โครงการเขื่อนท่าซาง
นี่คือรายงานล่าสุดที่ยืนยันถึงสถานภาพและข้อมูลของโครงการท่าซาง
ที่ตั้งเขื่อนและชนิดของเขื่อน
โครงการเขื่อนท่าซางกำลังอยู่ในระหว่างการศึกษาขั้นความเหมาะสมเบื้องต้น(Pre-feasibility Study) ผลการศึกษาวิเคราะห์ กำหนดให้สร้างเขื่อนบนแม่น้ำสาละวินทางตอนใต้ของรัฐฉานในประเทศสหภาพพม่าใกล้กับท่าเรือท่าซางทางฝั่งตะวันตกของตองยี 370 กิโลเมตรตามทางหลวงหมายเลข 45 และห่างจากจุดตรวจ BP-1 บริเวณชายแดนไทย ประมาณ 130 กิโลเมตร หรือประมาณ 150 กิโลเมตรทางตอนเหนือของเชียงใหม่
โครงการนี้จะตั้งอยู่ห่างระหว่างบริเวณเหนือท่าเรือท่าซางขึ้นไปตามลำน้ำสาละวิน 12 กิโลเมตรกับต่ำลงมาจากท่าเรือท่าซาง 5 กิโลเมตร ในบริเวณนี้เป็นบริเวณหุบเขา มีหน้าผาชัน และลำน้ำสาละวินที่แคบ บริเวณท้องน้ำประกอบชั้นของ sand stone และ silt stone ที่วางตัวซ้อนกันเป็นชั้น ๆ ผสมกัน เหมาะสำหรับการสร้างเขื่อนแบบหินถมดาดคอนกรีต(Concrete-faced rock-fill dam: RCF dam) และเขื่อนคอนกรีตบดอัดแน่น(Roller Compacted Concrete dam: RCC dam) หรือเขื่อนหินทิ้ง(Gravity dam) รวมทั้งมีความเป็นไปได้ที่จะเป็นเขื่อนชนิดหินทิ้งโค้ง(Arch-Gravity dam) ขึ้นอยู่กับข้อจำกัดของพื้นที่ทางด้านข้างประกอบ และโรงไฟฟ้าจะตั้งอยู่บนพื้นดินบริเวณฐานของเขื่อน
ข้อมูลการสำรวจล่าสุดพบว่าระดับกักเก็บน้ำสูงสุด(Full Supply Level: FSL) อยู่ระหว่าง 320-370 เมตรเหนือระดับน้ำทะเลปานกลาง(MSL) แต่ละหัวงาน(site)ที่สำรวจมีศักยภาพที่จะติดตั้งเครื่องผลิตกระแสไฟฟ้า(installed capacity)มีขนาดระหว่าง 1,500-5,000 เมกะวัตต์ ทางเลือกที่ได้มีการสำรวจและตั้งสมมติฐานนี้ขึ้นอยู่กับถนนที่จะเข้าสู่หัวงานจากจุดตรวจ BP-1 ตรงชายแดนไทย และสายส่งไฟฟ้ากระแสตรงขนาด 500 กิโลโวลต์ (500kV AC) ไปเชื่อมกับระบบของพม่าและสายส่งไฟฟ้ากระแสสลับ 500 กิโลโวลต์(500 kV DC) ไปยังประเทศไทย
โครงการนี้ยังจะมีการสร้างเขื่อนทางตอนล่าง(เขื่อนลูก)เพื่อควบคุมน้ำที่ปล่อยออกมาจากเทอร์ไบน์ 16 ชั่วโมงต่อวันและ 6 วันต่อสัปดาห์ในบริเวณทั้งหมดที่กล่าวถึงมาแล้วเพื่อควบคุมน้ำอีกครั้ง
การย้ายสะพานทางตอนบนของลำน้ำที่ท่าซางและใกล้กับคุนฮิง(Kunhing)บนทางหลวงหมายเลข 4 จะนับเป็นต้นทุนหนึ่งที่คำนึงถึงสำหรับโครงการ
ผลของการวิเคราะห์เปรียบเทียบแสดงให้เห็นว่าโครงการที่น่าสนใจที่สุดคือเขื่อน RCC รวมกับโรงไฟฟ้าในบริเวณจุด 840 ประมาณ 6 กิโลเมตรทางตอนเหนือตามลำน้ำของท่าเรือท่าซาง และจุด 725 ทางตอนล่างตามลำน้ำของท่าเรือท่าซาง 2 กิโลเมตร อย่างไรก็ตามข้อมูลทางด้านธรณีวิทยายังไม่สามารถยืนยันถึงที่ตั้งของเขื่อนที่เหมาะสมได้
ได้มีการตัดสินใจเลือกพัฒนาโครงการที่จุด 840 ให้เป็นเขื่อนแบบ CFR กับโรงไฟฟ้าแบบใต้ดินที่นิยมกันมาก(เขื่อนและโรงไฟฟ้าแบบนี้สร้างมากในญี่ปุ่น) การยืนยันถึงที่ตั้งและชนิดของเขื่อนจะขึ้นอยู่กับการสำรวจทางธรณีวิทยาภาคสนามรวมถึงการเจาะสำรวจ ในการศึกษาขั้นความเหมาะสม(Feasibility Study)โครงการ
ระดับเก็บกักน้ำ
ระดับเก็บกักสูงสุดที่ 350 เมตรเหนือระดับน้ำทะเลเป็นระดับที่มีการเลือกไว้สำหรับเขื่อนที่อ้างถึงแล้ว อย่างไรก็ตาม การวิเคราะห์เปรียบเทียบชี้ให้เห็นว่าการเพิ่มระดับเก็บกักสูงสุดจะทำให้มีแรงจูงใจในทางเศรษฐกิจมากขึ้น การสำรวจทางวิศวกรรมในอนาคต การสำรวจทางสังคมและสิ่งแวดล้อม และปริมาตรน้ำจะเป็นตัวที่กำหนดขอบเขตที่แท้จริงของอ่างเก็บน้ำ
ขนาดของโรงไฟฟ้า
การวิเคราะห์ยังชี้ให้เห็นว่า การกำหนดขนาดของการผลิตไฟฟ้า(Energy generation)ต่ำสุดสัมพันธ์กับขนาดของกำลังการผลิตติดตั้งระหว่าง 2,500 กับ 4,000 เมกะวัตต์ ซึ่งพบว่าขนาดของเครื่องผลิตกระแสไฟฟ้าที่จะติดตั้งมีจำนวน 6 เครื่อง มีขนาดเครื่องละประมาณ 550 เมกะวัตต์(6 X 550= 3,300 เมกะวัตต์) ไฟฟ้าที่ผลิตได้นี้ประมาณ 1 ใน 4 จะส่งไปยังระบบรวมของพม่า ส่วนที่เหลือจะส่งมายังไทย
ราคาโครงการและระยะเวลาก่อสร้าง
โครงการท่าซางแบบ CFR (ที่จุด 840) มีราคาขั้นต้น 3,397 ล้านบาท มีระยะเวลาก่อสร้างประมาณ 6 ปี ส่วนราคาโครงการเผื่อเลือก(RCC dam)ที่จุด 840 ประมาณ 3,076 ล้านเหรียญสหรัฐ ที่จุด 725 ประมาณ 3,316 ล้านเหรียญสหรัฐ มีระยะเวลาก่อสร้างประมาณ 5 ปีเท่ากัน
ข้อมูลหลัก ๆ ของโครงการท่าซางที่เป็นเขื่อน CFR จุด 840 และทางเลือกที่เป็นเขื่อน RCC ที่จุด 840 และ 725 สามารถสรุปได้ดังตาราง
การศึกษาผลกระทบทางสังคมและสิ่งแวดล้อม
ในขณะนี้ กลุ่มนักสร้างเขื่อนกำลังจัดเตรียมข้อมูลผลกระทบทางสังคมและสิ่งแวดล้อม โดยการรวบรวมข้อมูลผลกระทบด้านต่าง ๆ ภายใต้การนำของการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย
ตารางแสดงข้อมูลหลักของโครงการเขื่อนท่าซางที่ได้เลือกไว้และโครงการเผื่อเลือก
หัวข้อ
|
โครงการที่เลือก (จุด 840)
|
ทางเลือกที่หนึ่ง (จุด 725)
|
ทางเลือกที่สอง(จุด 725)
|
ชนิดเขื่อน
|
CRF dam
|
RCC dam
|
RCC dam
|
ที่ตั้ง(ห่างจากท่าเรือท่าซาง)
|
6 กม.ทางตอนเหนือ
|
6 กม.ทางตอนเหนือ
|
6 กม.ทางตอนเหนือ
|
พื้นที่รับน้ำ(ตร.กม.)
|
|
207,000
|
|
อัตราการไหลเฉลี่ย(ลบ.ม./วินาที
|
|
2,583
|
|
ระดับเก็บกักสูงสุด(FSL) เมตรเหนือระดับน้ำทะเล
|
|
350
|
|
พื้นที่อ่างเก็บน้ำที่ระดับเก็บกักสูงสุด(ตรงกม.)
|
|
660
|
|
ปริมตรอ่างเก็บน้ำที่ระดับเก็บกักสุดสุด(ลบ.กม.)
|
|
36,100
|
|
ปริมาตรน้ำเป็นที่ระดับเก็บกักสูงสุด(ลบ.กม.)
|
|
14,200
|
|
ความสูงสูงสุดของเขื่อน(ม.)
|
188
|
193
|
190
|
ความยาวสันเขื่อน(ม.)
|
768
|
783
|
955
|
อัตราน้ำไหลเข้าเทอร์ไบน์(ลบ.ม./วินาที)
|
|
430.5
|
|
ความสูงเทอร์ไบน์(ม.)
|
142
|
145
|
147
|
กำลังการผลิตติดตั้งรวม 6 เครื่อง(เมกะวัตต์)
|
3,327
|
3,399
|
3,434
|
ปริมาตรไฟฟ้าที่ผลิตได้ใน แต่ละปีในขั้นแรก (จิกะวัตต์-ชั่วโมง)
|
16,076
|
16,136
|
16,307
|
ปริมาตรไฟฟ้าที่ผลิตได้ในแต่ละปีในขั้นที่ 2 (จิกะวัตต์-ชั่วโมง)
|
6,930
|
7,923
|
8,001
|
พลังงานที่ผลิตได้รวมในแต่ละปี(จิกะวัตต์-ชั่วโมง)
|
23,005
|
24,059
|
24,380
|
ราคาโครงการ(ล้านเหรียญสหรัฐ)
|
3,397
|
3,075
|
3,316
|
ระยะเวลาดำเนินโครงการ(ปี)
|
6
|
5
|
5
|
|