เปิดแฟ้ม โรงไฟฟ้าลำตะคอง อีกโครงการอื้อฉาวของ กฟผ.
โครงการโรงไฟฟ้าพลังน้ำลำตะคองแบบสูบกลับ
เป็นโครงการผลิตกระแสไฟฟ้าด้วยพลังน้ำ ตั้งอยู่บริเวณสันแบ่งเขตระหว่าง อ.สีคิ้ว
และ อ.ปากช่อง จ.นครราชสีมา ห่างจาก อ.เมืองสระบุรี 82 ก.ม.
ในการศึกษาความเหมาะสมของโครงการนี้ กฟผ. ได้รับการสนับสนุนจากรัฐบาลญี่ปุ่น
(Japan International Cooperation Agency หรือ JICA) โดยศึกษาความเหมาะสมด้านวิศวกรรม เศรษฐศาสตร์ และสิ่งแวดล้อมเบื้องต้น
แล้วเสร็จในปี 2534
ระยะแรกกำหนดให้โรงไฟฟ้าติดตั้งเครื่องกำเนิดไฟฟ้าขนาด
250 เมกะวัตต์ จำนวน 2 เครื่อง รวมกำลังผลิต 500 เมกะวัตต์ ระยะที่สองติดตั้งเพิ่มอีกเท่ากับกำลังผลิตรวมในระยะแรก ซึ่งเมื่อรวมกำลังผลิตในโครงการแล้วจะได้กำลังผลิตทั้งหมด 1,000
เมกะวัตต์
- วัตถุประสงค์ เป็นโครงการสะสมพลังงานไฟฟ้าของประเทศช่วงที่มีความต้องการใช้ไฟฟ้าต่ำ โดยวิธีสูบน้ำจากอ่างเก็บน้ำเขื่อนลำตะคองขึ้นไปเก็บไว้บนภูเขา แล้วปล่อยกลับลงมาผลิตกระแสไฟฟ้าเพื่อเสริมการใช้พลังงานไฟฟ้าในช่วงเวลาที่มีความต้องการไฟฟ้าสูง
(peak)
โครงการนี้การก่อสร้างประกอบด้วย
อ่างเก็บน้ำตอนบน สร้างขึ้นใหม่บนยอดเขาเขื่อนลั่น พื้นที่ก่อสร้างประมาณ 0.4 ตารางกิโลเมตร
หรือประมาณ 212 ไร่ มีความจุของอ่าง
9.9 ล้านลูกบาศก์เมตร
อ่างล่าง คืออ่างเก็บน้ำเขื่อนลำตะคองเดิม มีความจุของอ่างประมาณ 290 ล้านลูกบาศก์เมตร
โรงไฟฟ้าใต้ดิน อยู่ลึกจากผิวดินประมาณ 300 เมตร ติดตั้งเครื่องกำเนิดไฟฟ้าและอุปกรณ์ จำนวน
4 ชุด รวมกำลังผลิตไฟฟ้า 1,000 เมกะวัตต์
อุโมงค์ส่งน้ำ เชื่อมระหว่างอ่างเก็บน้ำบนภูเขาและโรงไฟฟ้าใต้ดิน จำนวน 2 แนว ยาวประมาณ
1,470 เมตร
ระบบสายส่งไฟฟ้าแรงสูง ระยะแรกเชื่อมโยงกับแนวสายส่งขนาด
230 เควี สระบุรี 2 นครราชสีมา 2 ที่มีอยู่เดิม
ลานไกไฟฟ้า และอาคารควบคุม รับไฟฟ้าจากอุโมงค์ ส่งเข้าระบบสายส่งแรงสูง 230 เควี
ลำดับเหตุการณ์
ปี 2528 ศึกษาความเป็นไปได้ในการติดตั้งเครื่องกำเนิดไฟฟ้าชนิดสูบกลับ
ปี 2531 กฟผ.เสนอขอความช่วยเหลือทางวิชาการจากรัฐบาลญี่ปุ่น
ปี 2532 กฟผ.และองค์การร่วมมือระหว่างประเทศญี่ปุ่น
ร่วมลงนามในสัญญา ศึกษาความเหมาะสมของโครงการ โดยรัฐบาลญี่ปุ่นให้การสนับสนุนด้านการเงิน
และผลการศึกษาแล้วเสร็จเมื่อ ต.ค.2534
ปี 2533 มอบหมายให้มหาวิทยาลัยขอนแก่น
ศึกษาาและสำรวจรายละเอียดวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อมที่อาจจะเกิดขึ้น
ปี 2534 กฟผ.เสนอขอผ่อนผันใช้พื้นที่ใต้ลุ่มน้ำ
1 เอ เป็นกรณีพิเศษจาก ครม. เพื่อก่อสร้างโรงไฟฟ้าใต้ดิน และได้รับอนุมัติในหลักการเมื่อวันที่
17 มี.ค. 2535
ปี 2535 เจ้าหน้าที่ประชาสัมพันธ์
กฟผ. ประชุมชี้แจงกับชาวบ้านหมู่ 6 เขายายเที่ยงเหนือ เรื่องการขอใช้พื้นที่ทำกินชาวบ้านสร้างอ่างเก็บน้ำตอนบน
กฟผ. ระบุจะจ่ายค่าชดเชยเวนคืนที่ดินให้ชาวบ้าน 82 ราย รวม 1,364 ไร่ ใช้ประโยชน์เป็นอ่าง 228 ไร่
เมื่อเสร็จงานจะปลูกสวนป่าคืนให้รัฐบาล 430 ไร่ ปลูกพืชคลุมดินบริเวณลาดชันของอ่าง 125 ไร่ ส่วนพื้นที่ทิ้งดินระหว่างก่อสร้างจะปรับปรุงเป็นวนเกษตรคืนให้เจ้าของที่ดินเดิม โดยชาวบ้านที่ถูกเวนคืนที่ดินรายละ 5 ไร่
ปี 2536 กฟผ. จัดสัมมนาเรื่อง
ผลกระทบสิ่งแวดล้อมและแผนแก้ไขของโครงการโรงไฟฟ้าฯ ที่โรงแรมรอยัล พลาซ่า
จ.นครราชสีมา เชิญผู้สนใจและชาวบ้านเขายายเที่ยงเหนือหมู่ 6 และใต้ หมู่
10 เข้าร่วมประชุม กำหนดแผนงานพัฒนาและส่งเสริมชาวบ้านให้มีรายได้และพัฒนาคุณภาพชีวิต
ปี 2537 กฟผ.
เริ่มสำรวจทางธรณีวิทยา หาข้อมูลการขุดเจาะอุโมงค์ และสร้างอ่าง
ปี 2538 วันที่ 1 พ.ย.
เครื่องจักรทยอยมาลงพื้นที่ มีการเปิดหน้าดิน เริ่มระเบิดเมื่อ ธ.ค. และระเบิดต่อเนื่องเป็นระยะเวลา
2 ปี 7 เดือน
หมายเหตุ จากการจัดประชุมที่โรงแรมรอยัล
พลาซ่า และอีกหลายครั้ง กฟผ. ยืนยันว่าการก่อสร้างอ่างจะใช้เพียงรถแทรกเตอร์และแบ็คโฮเป็นส่วนใหญ่
จะมีการระเบิดเพียงส่วนน้อย
แต่ข้อเท็จจริงปรากฎว่า
ตั้งแต่กลางปี 2539 เป็นต้นมา มีการระเบิดทุกวัน วันละ 2 ครั้ง แต่ละครั้งเจาะรู
100-200 รู มีการติดป้ายประกาศว่าจะระเบิดวันละ
2 ครั้ง
ในส่วนของการเจาะอุโมงค์ใต้ดินนั้น มีการระเบิดอย่างไม่ต่อเนื่องในระยะ
4 ปี ทำการระเบิดวันละ 2 ครั้งเช่นกัน
ปี 2539 ช่วงปลายปี ชาวบ้านซักถามเจ้าหน้าที่
กฟผ.ที่เข้าดูแลควบคุมงานก่อสร้างอ่างบนยอดเขา ถึงปัญหาจากฝุ่นละอองที่เกิดจากการระเบิด
เนื่องจากราษฎรหลายรายมีอาการแน่นหน้าอก หายใจติดขัดไม่สะดวก เกิดผื่นคัน
ท้องเดินผิดปกติ วิงเวียน อาเจียน
ปี 2540 กฟผ. แจ้งกับชาวบ้านว่า
การแก้ไขปัญหาเรื่องฝุ่นละอองและแรงสั่นสะเทือนต้องลงทุนสูงมาก แพทย์ได้ประชาสัมพันธ์ให้ชาวบ้านหาผ้าชุบน้ำบิดพอหมาดปิดจมูกเวลาเกิดฝุ่นละอองจากการระเบิด
ช่วงกลางปี ชาวบ้านหมู่ 6 ยื่นหนังสือต่อ ผอ.โครงการโรงไฟฟ้า และนายจำลอง ครุฑขุนทด ส.ส.นครราชสีมา ให้จัดที่ดินชดเชยครอบครัวละ 15 ไร่ พร้อมกับจัดถนนและแหล่งน้ำ ภายหลังทราบว่า
กฟผ. จะไม่จัดสรรที่ดินให้ครอบครัวละ 5 ไร่ตามที่เคยสัญญาไว้
ปี 2541 กฟผ.
เลิกระเบิดบริเวณอ่าง แต่ผลกระทบด้านสุขภาพของราษฎร 2 หมู่บ้าน ยังคงมีอยู่
ขณะที่ชาวบ้านเขาน้อย ใกล้กับอ่างเก็บน้ำลำตะคองข้างล่างของกรมชลประทานซึ่งเป็นหมู่บ้านที่
3 มีอาการป่วยคล้ายกับ 2 หมู่บ้านข้างต้น
เดือน ธ.ค. มีการประชุมจัดตั้งคณะกรรมการเพื่อลงมาตรวจสอบข้อเท็จจริงในประเด็นผลกระทบต่าง
ๆ ภายหลังราษฎร 2 หมู่บ้านเข้าพบรอง ผวจ.นครราชสีมา อย่างไรก็ตาม จากผลสรุปของนักวิชาการของหน่วยราชการที่ลงไปตรวจสอบข้อเท็จจริง ไม่พบว่ามีหน่วยงานใดชี้ชัดว่าชาวบ้านได้รับผลกระทบจริงหรือไม่ ก่อนเรื่องจะเงียบหายไปในที่สุด
ปี 2542 ราษฎร 2 หมู่บ้านเดินทางเข้าพบ
นายสาวิตต์ โพธิวิหค รมต.สำนักนายกฯ
ขณะนั้น และนายอดิศร เพียงเกษ ส.ส. ในฐานะกรรมาธิการยุติธรรมและสิทธิมนุษยชน และผู้ว่าฯ กฟผ. เพื่อยื่นหนังสือร้องเรียนให้ช่วยแก้ไขปัญหาผลกระทบต่าง ๆ
กระทั่ง 2 พ.ค. ปีเดียวกัน ชาวบ้านทั้ง 2 หมู่บ้าน ตัดสินใจชุมนุมเรียกร้องร่วมกับพี่น้องภาคอีสาน
ที่ จ. ขอนแก่น เป็นเวลา 8 วัน โดยมีนายอำนวย ปะติเส รองเลขาธิการนายกฯ ฝ่ายการเมือง ขณะนั้น เป็นตัวแทนรัฐบาลเจรจากับเกษตรกรที่มาเรียกร้องหลายกลุ่มปัญหา แต่การหารือไม่บรรลุข้อตกลง
ปัญหายังคุกรุ่นมาถึงทุกวันนี้
|