eng homeabout usmekong riversalween rivermun riverthai baan researchpublication
 

เสียงของคนลุ่มน้ำแจ่ม บนดอยสูง

ฆ่าพวกเราให้ตายทั้งหมดก่อนแล้วค่อยสร้างเขื่อน เรายอมสู้ตายในบ้านของเรา

วันนี้ไม่มีถอยสู้ไปเลย ตายเป็นตาย ดีกว่าต้องย้ายไปที่อื่น

(เสียงจากผู้จะได้รับผลกระทบจากเขื่อนแม่แจ่มตามแผนโครงการน้ำ 3.5 แสนล้านบาท โมดูล A1)

24 ก.ค.2556 ณ.บ้านแม่ซา ม.2 ต.แม่นาจร อ.แม่แจ่ม จ.เชียงใหม่ ตัวแทนชาวบ้านจาก 4 หมู่บ้านได้จัดประชุมนัดพิเศษเพื่อตั้งคณะทำงานและคณะกรรมการในนาม คณะกรรมการคัดค้านเขื่อนแม่แจ่ม-ผาวิ่งจู้ โดยมีผู้เข้าร่วมเป็นตัวแทนของชาวบ้าน 38 คน เลือกประธาน 1 คน รองประธาน 3 คน ส่วนที่เหลือเป็นคณะกรรมการ ซึ่งมีนายทนงศักดิ์ ม่อนดอก เป็นประธาน

การ ประชุมหารือค่อนข้างเคร่งเครียดหลายคนลุกขึ้นพูดยืนยันไม่เห็นด้วย หลายคนเริ่มกังวลในชะตาชีวิตและวิถีของคนบนดอย หากต้องย้ายจากบ้านเกิดให้กับการสร้างเขื่อนแม่แจ่ม ทุกเสียงที่ลุกขึ้นพูดพร้อมยืนหยัดสู้อย่างสุดใจ และขอตายในบ้านของเขาเอง ท่ามกลางความเคร่งเครียดเริ่มมีทางออก สุดท้ายมีการหารือแนวทางการเคลื่อนไหวในระยะต่อไปจะเอายังไงต่อ

 

สมพงษ์ สุวรรณสันติชัย ชาวบ้าน แม่หอย ม.12 ต.แม่นาจร อ.แม่แจ่ม กล่าวถึงความรู้สึกของตัวเอง

พะตี : ไม่เห็นด้วย ไม่เห็นด้วยแม้แต่นิดเดียว เพราะ พะตีอยู่ที่นี้มานานแล้วตอนนี้อายุ 54 ปี ถือว่าเป็นช่วงที่ชีวิตที่กำลังจะได้อยู่อย่างสบายมีความสุขในปั้นปลายของ ชีวิต มีพออยู่พอกิน ที่ดินทำมาหากินก็พอมีพอทำได้และพอกิน คิดว่าถ้าเขาสร้างเขื่อนแม่แจ่มจริง มันจะไม่สบายกับพะตีแน่นอน คือพะตีอยู่บ้านแม่หอยมาจนป่านนี้แล้วถือว่าสมควรกับชีวิตแล้ว

พะ ตีไปกรุงเทพก็คิดถึงบ้าน ไปประเทศลาวก็คิดถึงบ้านตัวเอง ไปพม่าก็คิดถึงบ้านตัวเองบ้านแม่หอย ถ้าเขามาสร้างจริงก็คิดว่าอยู่ต่อไปมันต้องลำบากแน่นอน เพราะว่ากว่าพะตีจะอยู่ดีในวันนี้ได้ สร้างบ้านสร้างเรือนมากว่า 40 ปี ถ้าเราย้ายไปอยู่ที่อื่นมันจะลำบากมากมายเพียงใด ต้องไปสร้างกันใหม่ ตอนนี้พะตีก็แก่แล้วไม่มีแรงพอที่จะสร้างใหม่ นึกถึงธรรมชาติรอบบ้านตัวเอง ต้นไม้คงตายกันเยอะ ตอนนี้เราทำไร่ทำนา ทำไร่ข้าว ป่าไม้มีคุณประโยชน์ต่อเรามาตลอด สร้างเขื่อนเมื่อใดป่าไม้เสียหายหลายร้อยหลายพันเท่า

หมู่บ้านแม่หอยมี 70 กว่า หลังคาเรือน ทั้งหมู่บ้านไม่มีใครเห็นด้วยกับการสร้างเขื่อนแม้แต่คนเดียว เพราะมันไม่มีประโยชน์อะไรกับเรา เรากลับต้องโยกย้ายไปอยู่ที่อื่น ที่อื่นที่จะย้ายไปอยู่มันเป็นอย่างไรก็ไม่รู้ พะตีก็เคยเห็นเขาอพยพโยกย้ายมาบ้างแล้วในหลายพื้นที่ เขาเหล่านั้นที่ย้ายไปไม่ได้มีชีวิตที่ดีขึ้นเลย ทุกข์ยากลำบากกว่าเดิมด้วยซ้ำไป อีกตัวอย่างที่ผมเห็นเป็นอ่างขนาดเล็กในแม่แจ่มนี้เอง เกิดพังทลายคนตายไป 5 คน นี้ขนาดเล็กๆ ถ้าเขื่อนแม่แจ่มแตกคงตายกันทั้งอำเภอแม่แจ่มแน่นอน

พะ ตีสู้ชีวิตมาถึงปัจจุบันก็มีพออยู่พอกินกับบ้านของตนเอง ยืนยันไม่เห็นด้วยกับการสร้างเขื่อนในครั้งนี้ ทุกวันนี้ได้ทราบข่าวว่าเขาจะมาสร้างเขื่อน นอนก็นอนไม่หลับ หลับก็หลับไม่เต็มตื่น ไปคุยให้คนเฒ่าคนแก่ฟัง หลายคนได้ฟัง เขาก็สะดุ้งกันหมด ยิ่งพูดเยอะขึ้น ผมก็กลัวเขาช็อคตาย ไม่ต้องมาสร้างแล้ว แค่ยังไม่ได้สร้างคนก็จะช็อคตายกันอยู่แล้ว

พะตีคิดว่าทั้ง 4 หมู่บ้านจะช่วยกันสู้ ถ้าบ้านอื่นไม่สู้บ้านแม่หอยจะลุกขึ้นสู้อย่างเต็มที่ แต่คิดว่าทุกคนใน 4 หมู่บ้านี้ที่จะได้รับผลกระทบจะรวมตัวกันอย่างแน่นอน จะช่วยกันสู้อย่างเต็มแรง ถ้าไม่สู้ในวันนี้วันข้างหน้าแถวนี้เป็นทะเลสาบแน่ ถึงวันนี้แล้ว เรายอมสู้จนกว่าจะชนะ

 

นายมนตรี ภาสกรวงค์ ผู้ใหญ่บ้านบ้านแม่ซา ม.2 ต.แม่นาจร อ.แม่แจ่ม

ความ รู้ส่วนตัวผม ผมคิดว่าสถาพพื้นที่ภูมิประเทศที่เป็นอยู่มันเสี่ยงเกินไปสำหรับคนเหนือ เขื่อนและคนท้ายเขื่อน ผมวาผลกระทบต่อชุมชนที่บ้านแม่ซาที่ผมเป็นผู้ใหญ่บ้านในขณะนี้เป็นหมู่บ้าน ที่ถือว่าได้รับการพัฒนาค่อนข้างจะเริ่มสมบูรณ์ และชุมชนที่นี้อยู่มานานมากแล้ว เกิน 100  ปี ในแถบนี้บ้านแม่ซาเป็นหมู่บ้านศูนย์กลางการเดินทางไปมาหาสู่กันในตำบลแม่นา จร ถ้ามีการสร้างเขื่อนจริง มีการอพยพชุมชนบางส่วนหรือถนนสายหลักถูกตัดขาด คิดว่าบ้านแม่ซาจะกลายเป็นหมู่บ้านที่ล้าหลังกว่าบ้านอื่น เพราะต้องมาเริ่มนับหนึ่งพัฒนาชุมชนกันใหม่ ผมว่าจะเป็นภาระหนักของชาวบ้านในอนาคตต่อไป ถ้าภาครัฐสัญญาว่าจะจัดการให้ทั้งหมด และรับประกันอย่างเป็นลายลักอักษรให้เรา ต้องมีหลักประกันที่ปฏิบัติได้จริง ตอนนี้ใช้แค่ลมปากพูดลอยๆ ผมไม่มั่นใจเหมือนกัน

                หมู่บ้านแม่ซามีบ้านเรือนกว่า 200 หลังคา เรือนเป็นหมู่บ้านใหญ่ ตามที่เห็นในแผนของชลประทานเขาบอกจะท่วมชุมชนบางส่วน โรงเรียน อนามัย ซึ่งตั้งอยู่ริมน้ำ ซึ่งถ้าท่วมจริง โรงเรียน อนามัย หน่วยงานราชการต่างๆสามารถย้ายออกไปได้ แต่ชุมชนหมู่บ้านจะย้ายออกไปเป็นเรื่องใหญ่มากสำหรับชาวบ้าน รวมถึงที่ทำกินด้วย หมู่บ้านเรา 10 % เป็น ที่ราบซึ่งเป็นที่นาทั้งหมด ส่วนพื้นที่ทำไร่อยู่ชายป่าถัดไปจากที่ราบ ตอนนี้มีการจัดการควบคุมการบุกรุกป่าพวกราก็ทำไร่หมุนเวียนริมที่ราบเป็น ส่วนใหญ่ แต่ก่อนทำไร่กระจัดกระจายหลายที่ เราก็ถูกกล่าวหาว่าทำไร่เลื่อนลอย ตอนนี้ต้องมีมาตรการทำในที่ดินใกล้บ้านรวมกันเป็นแปลงใหญ่ไม่กระจัดกระจาย ซึ่งยังคงดำรงวิถีของเราชนเผ่าต่อไป

                ขณะนี้เท่าที่ทราบเคยมีเจ้าหน้าที่กรมชลประทาน ลงมาเมื่อเดือนที่แล้ว ผมก็ขอดูเอกสารแผนที่ระดับน้ำท่วมจากเขื่อนตามที่ระบุใน GPS และ ทางเจ้าหน้าที่บอกว่าจะลงมาเก็บข้อมูลเรื่องการสร้างเขื่อน ผมก็ขอถ่ายเอกสารแผนที่ แล้วเอาไปแจกให้ผู้ใหญ่บ้าน หมู่บ้านอื่นได้เห็นข้อมูล เขาก็เริ่มคุยกันเองในแต่ละบ้าน เมื่อดูจากแผนที่ก็จะเห็นว่ามันกระทบกับหมู่บ้านเราชัดเจน

                ปัจจุบัน ในตัวผมเองมีฐานะสองอย่าง คือตัวแทนชาวบ้านและส่วนหนึ่งเป็นคนของรัฐ ผมจำเป็นต้องหาข้อมูลรายละเอียดให้กระจ่างแจ้งให้มากที่สุด คงต้องปรึกษาหลายฝ่าย เช่น นายก อบต. ในพื้นที่ นายอำเภอ ถึงความชัดเจนของโครงการ ทุกวันนี้เพียงแต่ทราบเบื้องต้นยังไม่มีรายละเอียดอันใดเลย ถ้าทราบรายละเอียดมากกว่านี้การประสานงานกับชาวบ้าน หน่วยงานภาครัฐ คงจะชัดเจนมากขึ้น

                พี่ น้องที่นี้เป็นชนเผ่า ปกาเกอญอ และนับถือศาสนาคริสต์ทั้งหมดได้มีวิถีและการใช้ประโยชน์จากลำน้ำแม่แจ่มมา โดยตลอด เรามีเหมืองฝายท้องถิ่นและการจัดการแบบชาวบ้านเอง ใช้น้ำทำนา บางส่วนใช้จากลำน้ำสาขา และอ่างเก็บน้ำขนาดเล็กของกรมพัฒนาที่ดิน ก็ถือว่าเพียงพอแล้วกับหมู่บ้านเรา

                ตอน นี้ก็ค่อนข้างกังวล เพราะไม่มีรายละเอียดอันใดเลยเกี่ยวกับโครงการเขื่อนแม่แจ่ม ซึ่งเป็นโครงการขนาดใหญ่และเรื่องนี้ก็เป็นเรื่องใหญ่มาก กระทบต่อคนหลายๆคน รวมถึงวิถีชีวิตที่จะเปลี่ยนไปเราจะทำอย่างไร

ทางด้านจิตใจ มันจะเกิดความไม่สงบในชุมชน ผมเริ่มกังวลมากขึ้นทุกวัน

 

นายสะแง พระโพธิ์วิทยา บ้านสบขอ ม.11 ต.แม่นาจร อ.แม่แจ่ม

ฆ่าพวกเราให้ตายทั้งหมดก่อนแล้วค่อยสร้างเขื่อน ยอมตายที่นี้ อยู่ที่นี้ กินที่นี้ 

ความ รู้สึกผมคิดว่ามันเป็นไปไม่ได้ เพราะชีวิตเราตั้งแต่เด็กจนถึงวันนี้เราทำมาหากิน ทำไร่ทำนาเลี้ยงครอบครัวเลี้ยงชุมชน ทุกอย่างรอบตัวเราเหมาะสมแล้วกับเรา ถ้าเขามาสร้างเขื่อน บ้านเราไม่รู้จะเสียหายมากมายเท่าใด หมู่บ้านผมมี 50 กว่าหลังคาเรือน ประชากรกว่า 200 คน ดังเดิมผมเป็นคนบ้านแม่ซา แล้วย้ายไปอยู่สบขอตอนอายุ 12 ปี ตามครอบครัวซึ่งตอนนั้นพ่อผมเสียชีวิตตั้งแต่ผมได้ 4 ขวบแล้ว บ้านสบขอในตอนนั้นมีบ้าน 4 หลังรวมบ้านผม เป็นจุดเริ่มก่อตั้งหมู่บ้าน ร่วมกันก่อร่างสร้างหมู่บ้านเรื่อยมา ผมอายุ 50 ปี พัฒนาหมู่บ้านใช้เวลาเกือบ 40 ปี อยู่ตั้งแต่ไม่มีอะไรกิน ไม่มีอุปกรณ์อำนวยความสะดวกอันใด เราก็อยู่มาได้ ถึงวันนี้ก็ถือว่าเริ่มสบายแล้ว

                สิ่ง ที่กังวลมากสุดคือการต้องย้ายหมู่บ้านถ้าเขามาสร้างเขื่อน และเป็นการย้ายที่ผมไม่ได้อยากเลือก ตอนนี้กลุ่มแม่บ้าน เยาวชน และทุกคนในหมู่บ้านประกาศเป็นเสียงเดียวกันว่าจะไม่ยอมให้เขาสร้างเขื่อนโดย เด็ดขาด ยอมตายที่นี้ อยู่ที่นี้ กินที่นี้  ถึงที่สุดถ้าสู้ ไม่ได้เรายอมตายทั้งหมดหมู่บ้าน ฆ่าพวกเราให้ตายทั้งหมดก่อนแล้วค่อยสร้างเขื่อน ตอนนี้ทุกคนยอมสู้ตายในบ้านของเรา จะไม่ยอมให้ข้อมูลใดๆ และไม่ให้เข้าหมู่บ้านโดยเด็ดขาดนี้คือสิ่งสูงสุดที่เราจะทำได้ ถ้าเรายอมย้ายออกจากหมู่บ้านจะเอาอะไรมากิน รวมถึงค่าใช้จ่ายที่จะมีมากขึ้น วันนี้เราทำไร่ทำนาใช้กินไปทุกวัน ลูกหลานเราเกิดมาต้องกินข้าว ข้าวคือสิ่งสำคัญที่สุด ทุกคนตื่นมาต้องกินข้าว เราย้ายไปที่อื่นไม่มีข้าวกิน จะมีประโยชน์อะไร กว่าเราจะบุกเบิกที่ทำกินใหม่ ต้องใช้เวลานานจะมีได้กินเท่าวันนี้ ก็ล้มตายกันไม่รู้เท่าไหร่ ย้ายไปตั้งบ้านเรือนในพื้นที่ใหม่มีปัญหาแน่ ทุกวันนี้เราอยู่ที่เดิมยังต้องแก้ปัญหาไม่จบสิ้นกับเจ้าหน้าที่ป่าไม้ จะขยายพื้นที่ทำกินนิดหน่อยก็ถูกจับดำเนินคดี

                ผม ยืนยันไม่ยอมให้สร้างจะสู้อย่างเต็มที่ ผมได้รับเลือกเป็นตัวแทนชาวบ้าน ทุกคนในหมู่บ้านก็บอกเสมอว่ามีการประชุมที่ไหน ประท้วงที่ใดขอให้กับทุกคนในหมู่บ้านทุกคนพร้อมสู้ร่วมกัน ถ้ามันสร้างจริง ตายเป็นตายสู้ให้ถึงที่สุด ตายกันหมดไปเป็นไร ดีกว่าเราถูกน้ำท่วมตายในเขื่อน

                รอบ หมู่บ้านเรามีทุกอย่างแล้ว เหมาะสมแล้ว กว่าจะถึงวันนี้ได้ใช้เวลานานมาก กว่าจะมีทุกอย่างที่พออยู่ได้ในวิถีของเรา และสำคัญที่สุด ผมพูดจริงทุกประการ เพราะเรื่องเหล่านี้ไม่ใช่เรื่องเล่นๆ และผมก็แก่อาวุโสแล้วพูดคำไหนต้องคำนั้น จริงจังกับคำพูดของตนเองเพื่อหมู่บ้านของตนเอง ทุกคนพร้อมสู้ไม่ได้กลัวอะไร ไม่ยอมถอย ถ้ายอมถอยก็เท่ากับเป็นคนโง่ วันนี้ไม่มีถอยสู้ไปเลย ตายเป็นตาย ดีกว่าต้องย้ายไปที่อื่น ที่อื่นจะยากลำบาก เรายอมตายในที่ดินเราดีกว่า เราเป็นคนปกาเกอญอ บนดอย ทำไร่ทำนา จะให้เราเปลี่ยนอาชีพไปทำอย่างอื่นมันเป็นไปไม่ได้ เขื่อนที่จะสร้างในวันนี้ ไม่มีประโยชน์อะไรกับเราเลยแม้เพียงน้อยนิด

 

ทนงศักดิ์ ม่อนดอก ประธานกรรมการคัดค้านเขื่อนแม่แจ่ม-ผาวิ่งจู้

(เลือกผมเป็นประธานมิใช่ให้ผมสู้อยู่คนเดียว ทุกคนต้องสู้ด้วยกัน)

รู้สึก ภูมิใจในสิ่งที่พี่น้องไว้วางใจ เมื่อชาวบ้านเลือกให้มาทำหน้าที่ ก็พร้อมทำเพราะผมก็คนที่นี้ตั้งแต่เกิด ความรู้ที่สะสมเรียนรู้เรื่องสายน้ำแม่แจ่มมีค่อนข้างเยอะพอสมควร ตั้งแต่เกิดผมอยู่ที่นี้ โตที่นี้ ทุกอย่างรอบตัวมีหลายสิ่งพัฒนาไปในทางที่ดีขึ้นเรื่อยๆ เมื่อข่าวเรื่องการสร้างเขื่อนเข้ามาก็รู้สึกว่าเริ่มกระทบกระเทือนต่อความ คิดความรู้สึก เรื่องแรกผมคิดว่าเป็นเรื่องใหญ่ คือผลกระทบต่อที่ทำกิน เพราะที่ดินทำกินของญาติพี่น้องของผมมีเยอะแยะมากมายอยู่รอบบริเวณนี้

                หลีกเลี่ยงไม่ได้ที่จะต้องกังวล เมื่อ 4-5 ปี ก่อนหน้านี้ผมเริ่มศึกษาด้วยตัวเองในเรื่องแม่น้ำแจ่ม มันคือแม่น้ำที่หล่อเลี้ยงชีวิตคนหลายพันหลายหมื่นคนในลุ่มน้ำนี้ ฉะนั้นการสร้างเขื่อนจะกระทบ หลายคนคิดว่ามันจะกระทบแต่ชาวบ้าน 4 หมู่ บ้านบริเวณนี้ แท้จริงแล้วมันจะกระทบทั้งหมดทั้งลุ่มน้ำแม่แจ่ม คนเหนือเขื่อนท้ายเขื่อนทุกข์ยากเท่ากัน นอกจากนั้นทรัพยากรธรรมชาติหายหมดแน่ เรื่องสำคัญตำนานผาวิ่งจู้ มีมายาวนานชาวบ้านเคารพยำเกรง ชาวบ้านเสนอให้เป็นแหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติเพราะมันมีสวยงาม มากกว่าจะเอาสิ่งเหล่านี้ไปสร้างเป็นเขื่อน สร้างแล้วก็กระทบต่อคนต่อธรรมชาติอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ มันสวนทางกับสิ่งที่ชาวบ้านคิดชาวบ้านเสนอ เราเสนออีกแบบเอาไปทำอีกแบบ อันที่จะทำมันทำลายคนทำลายธรรมชาติ

                สิ่ง ที่ทำได้ในตอนนี้เร่งด่วนคือการนำเสนอข้อมูลให้ชาวบ้านทราบและนำเสนอความ เรียบง่ายของวิถีชีวิตเราให้คนอื่นได้รู้ ส่วนงานด้านวิชาการเรายังกังวลคงต้องหาวิธีเก็บรวบรวมและสื่อสารในระยะต่อไป ถึงตอนนี้ก็เริ่มชัดเจนแล้วว่าชาวบ้านใน 4 หมู่ บ้านจะร่วมกันคัดค้าน ผมมั่นใจยิ่งขึ้น มีทั้งกลุ่มสตรี กลุ่มยุวชน คนแก่ นักเรียน นักศึกษา พร้อมใจกัน ที่สำคัญคือการให้ข้อมูลต่อชุมชนอย่างต่อเนื่องจะเป็นตัวที่ทำให้เรารู้ ข้อมูลอย่างพร้อมเพียง และต้องทำงานกับเด็กยุวชน เพราะเด็กยุวชนจะเติบโตตามพ่อแม่ และเป็นกำลังสำคัญในระยะยาว

                ขอ ประกาศต่อสาธารณะทั่วไปว่า เราพร้อมที่จะยืนหยัดต่อสู้เรื่องเขื่อนแม่แจ่มร่วมกัน ไม่ว่าผมจะอยู่ในฐานะใด ผมคือชาวบ้านที่พร้อมเต็มที่กับการสู้เรื่องเขื่อนแม่แจ่ม ที่ที่เราคือที่ทำกินของเรา เมื่อเราหมดมันไปเราจะไปทำอะไรได้อีก เราไม่มีเงินเดือน เรามีแต่ไร่นา เรามีญาติพี่น้อง สำคัญสุดแล้วสำหรับเรา ทุกอย่างถูกน้ำท่วมหมดเราอยู่ไม่ได้ ไม่ใช่ผมคนแรกที่จะเดือดร้อน พี่น้องผมทั้งหมดเดือดร้อนเหมือนกัน

เรายืนยันค้านเต็มที่ ค้านอย่างแน่นอน

 
 

สมาคมแม่น้ำเพื่อชีวิต   138/1 หมู่ 4 ต.สุเทพ อ.เมือง จ.เชียงใหม่   50200
Living River Siam Association  138 Moo 4, Suthep, Muang, Chiang Mai, 50200   Thailand
Tel. & Fax.: (66)-       E-mail : admin@livingriversiam.org

ข้อมูลในเวปนี้สามารถนำไปเผยแพร่ได้โดยอ้างอิงแหล่งที่มา