eng homeabout usmekong riversalween rivermun riverthai baan researchpublication
 

 

 

 
เมื่อเขื่อนปากมูลเปิด...ปลาจากแม่น้ำโขงก็ทะลักเข้าแม่น้ำมูน

สมภาร คืนดี

ประตูเขื่อนปากมูลถูกยกขึ้นทั้ง 8 บานอีกครั้งหนึ่งเมื่อวันที่ 21 มิถุนายน 2547 ตามมติครม.วันที่ 8 มิถุนายน 2547 ท่ามกลางความยินดีปรีดาของคนหาปลาแม่น้ำมูน จากปรากฏการณ์ที่ “ปลามาจ่อรอหน้าเขื่อน” เมื่อประตูเขื่อนเปิดขึ้น ปลาจำนวนมาก จึงทะลักเข้ามาเหนือเขื่อน

เช่นเดียวกับคาราวานคนหาปลา เมื่อน้ำลดลงก็ได้ลงหาปลากันอย่างคึกคัก อุปกรณ์หลักที่ใช้หาคือแห ซึ่งปลาที่ได้จากการทอดแหจะเป็น “ปลาน้อย” ซึ่งหมายถึง ปลาปาก ปลาสะกาง ปลาคุยลาม และปลาอื่นๆ แต่ปลาที่เข้ามา “ในมูน” ในวันแรกของการเปิดเขื่อนคนหาปลาบอกว่ามีปลาหลากชนิดทั้งปลากด ปลานาง ปลาปีกไก่ ดอกบัว และจากการหาด้วยการไหลมองในบริเวณท้ายเขื่อนปากมูล ปรากฎว่า มีปลาขนาดใหญ่เข้ามาในแม่น้ำมูนเป็นจำนวนมากโดยเฉพาะปลาอีตู๋ จนทำให้ราคาปลาลดลงอย่างรวดเร็ว จากราคา 60 บาทต่อ 1 กิโลกรัม เหลือเพียง 45 บาท และปลาเล็กกิโลกรัมละ 10 บาท เท่านั้นเอง

ทั้งนี้ กองคาราวานคนหาปลาจากหมู่บ้านต่างๆ มาจาก 30 กว่าหมู่บ้าน ข่าวคราวเกี่ยวกับการเปิดเขื่อนปากมูลได้ยินก็มาจากหลายแหล่ง คนหาปลาคนหนึ่งบอกว่ารู้ข่าวจากโทรทัศน์ บางคนได้ข่าวจากวิทยุ การพูดปากต่อปากของเพื่อนบ้าน กระทั่งการส่งข่าวกันทางโทรศัพท์จากญาติพี่น้องที่อยู่ริมแม่น้ำมูน หรือผู้เฝ้าติดตามสถานการณ์ของเขื่อนปากมูล เป็นต้น การเดินทางก็ใช้วิธีการเดินทางด้วยรถมอเตอร์ไซด์ รถกระบะมาเป็นหมู่คณะ บางคนมารอตั้งแต่เช้าของวันที่ 21 มิ.ย. และเมื่อได้ปลาก็กลับในช่วงเย็น บางคนมาค้างคืน ซึ่งปลาที่ได้ส่วนใหญ่จะนำกลับไปกินที่บ้าน ทำปลาร้า ปลาส้ม แบ่งปันเพื่อนบ้าน มีบางคนนำเกลือมาด้วยเพื่อทำเป็น “ปลาเอือบ” เนื่องนากอยู่นานข้ามคืน และเอาปลากลับไปทำปลาแดกที่บ้าน

อุปกรณ์ที่ใช้มีเพียงแหคนละปากกับกระชังใส่ปลา หรือบางคนนำกระสอบมาด้วย ห่อข้าว ขวดน้ำ ปลาที่หาได้จากการใช้แหส่วนใหญ่จะเป็นปลาตัวเล็ก มีปลานาง ปลากดบ้าง ซึ่งเป็นปลาที่มีราคาสูงกว่าแต่ละคนจะได้ปลาไม่ต่ำกว่า 5 กิโลกรัม ใกล้กับบริเวณหาปลาจะมีพ่อค้ารอรับซื้อปลาอยู่ด้วยเมื่อหามาได้หากใครไม่เอากลับบ้าน ก็จะขายให้พ่อค้าเลย

นายสุนี ผลดก ชาวบ้านบ้านวังใหม่ ต.หนองแสงใหญ่ อ.โขงเจียม จ.อุบลราชธานี กล่าวว่า ตนรู้ข่าวว่าเขื่อนเปิดตั้งแต่วันที่ 21 มิ.ย.จากเพื่อนบ้าน และข่าวคราวทางวิทยุ แต่มาหาปลาบริเวณเขื่อนได้ในวันนี้(22 มิ.ย.) คนที่มาที่นี่ก็มีหลายหมู่บ้าน ทั้งจากอ.พิบูลมังสาหาร อ.สิรินธร ศรีเมืองใหม่ ซึ่งอยู่ห่างจากเขื่อนหลายสิบกิโลเมตร ทั้งหมดจะหาร่วมกันไม่มีใครว่ากัน ใครมีความสามารถก็หาได้มาก ส่วนใหญ่จะใช้แหหว่านบริเวณน้ำไหล

พ่อสุนี กล่าวว่า ปีนี้เขื่อนเปิดเร็วกว่าเดิมทำให้ปลาสามารถเข้ามาได้ เปิดปีที่แล้ว(2546) เปิดช้าไป เปิดเดือนกรกฎาฯ เป็นช่วงที่ปลาไม่ขึ้นแล้ว ปีที่แล้วจึงไม่มีปลา คิดว่าปีนี้ดีขึ้นกว่าเดิมมาก ปลาจะขึ้นไปเรื่อยๆ กว่าจะถึงแก่งสะพือ หรือแถวอ.พิบูลฯ ก็คงอีกสักสองวัน

ขณะเดียวกัน ที่บริเวณปากแม่น้ำมูน บ้านด่านเก่า และบ้านท่าแพ ก็มีคนหาปลาจากหลายหมู่บ้านเข้าไหลมอง(ตาข่าย) กันอย่างคับคั่ง จนต้องเข้าคิวกันไหล(ล่องตาข่ายไปตามน้ำ)ปลาที่ได้ส่วนใหญ่เป็นปลาอีตู๋ ซึ่งมีขนาดใหญ่ตั้งแต่ 1 กิโลกรัมจนถึง 5 กิโลกรัม นายพุทธา หมื่นแสน พรานปลาบ้านท่าแพ ต.โขงเจียม อ.โขงเจียม จ.อุบลฯ เล่าว่า ตนลงหาปลาตลอดเวลาตั้งแต่เริ่มเปิดเขื่อน ได้เกือบทุกครั้งที่ไหล จนไม่อยากขึ้นบ้าน จนแม่บ้านต้องเอาข้าวมาส่งที่มูน เมื่อได้ปลาก็ให้แม่บ้านนำไปขาย ตนมีหน้าที่หาอย่างเดียว รู้สึกมีความสุขที่ได้ปลา เพื่อนๆ คนอื่นก็เหมือนกัน อยากให้เปิดเขื่อนแบบนี้ตลอดไป

ส่วนพื้นที่เหนือเขื่อนนั้น แม้จะทราบว่าเขื่อนเปิดแต่ก็ยังไม่สามารถหาปลาได้ แต่เข้าใจกันว่า “ปลายังเดินทางมาไม่ถึง” นายจันทร์ ชินรี คนหาปลาบ้านหนองโพธิ์ ต.โพธิ์ศรี อ.พิบูลมังสาหาร จ.อุบลฯ ซึ่งอยู่ห่างจากเขื่อนปากมูลประมาณ 40 กิโลเมตร กล่าวว่า ชาวบ้านรู้กันทั่วแล้วว่ามีการเปิดเขื่อน ตอนนี้ก็เตรียมตัวรอปลากันอยู่ ส่วนใหญ่จะไหลมอง คิดว่าปีนี้ชาวบ้านจะพอมีรายได้จากการหาปลามากกว่าปีที่ผ่านมาเพราะเปิดเขื่อนให้ปลาขึ้นมาเร็วขึ้น จริงๆ แล้ว การเปิดเขื่อน 4 เดือนถือว่าพอบรรเทา ประทังชีวิตไปได้บ้าง แต่จะเลี้ยงครอบครัวไปได้ตลอดหรือไม่นั้นไม่ได้ เพราะแม่น้ำมูน และปลาไม่ได้เป็นระบบธรรมชาติ หากจะให้ดีที่สุดต้องเปิดตลอดไป ชีวิตชาวบ้านจะดีขึ้นมาก ปลาจะช่วยชีวิตคนแม่น้ำมูนได้มาก

อย่างไรก็ตาม ตามมติครม.นั้น เขื่อนจะยังคงเปิดเพียง 4 เดือน ใน 1 ปี หากแต่เลื่อนช่วงเวลาการเปิดจาก 1 กรกฎาคม-31 ตุลาคม มาเป็น 1 พฤษภาคม -31 สิงหาคม ซึ่งในปีนี้นับว่าผลของมติครม.ล่าช้าไปนั้นหมายถึง การเปิดเขื่อนปีนี้จะต้องขยายระยะเวลาไปถึง 21 ตุลาคมไม่ใช่ 31 สิงหาคม

และแม้การเลื่อนช่วงเวลาการเปิดเขื่อนปากมูนขึ้นมาเป็นพฤษภาคม ทำจะทำให้ปลาสามารถขึ้นมาได้กว่าเดิมบ้าง แต่การเปิดเขื่อนปากมูลเพียง 4 เดือน ยังคงไม่ใช่แนวทางในการฟื้นคืนความสมบูรณ์ของแม่น้ำมูน ไม่ใช่ทางแห่งการฟื้นความเป็นอยู่อันเคยสงบสุขของชาวบ้านปากมูนที่จ่อมจมอยู่ในกองแห่งความทุกข์ยากจาก การสร้างเขื่อนทำลายความสมบูรณ์ของทรัพยกรธรรมชาติของแม่น้ำมูนมานานนับสิบปีได้

ดังนั้นแล้ว การเปิดเขื่อน 4 เดือนจึงคงไม่ใช่คำตอบของทางที่สิ้นสุด

 
 

สมาคมแม่น้ำเพื่อชีวิต   138/1 หมู่ 4 ต.สุเทพ อ.เมือง จ.เชียงใหม่   50200
Living River Siam Association  138 Moo 4, Suthep, Muang, Chiang Mai, 50200   Thailand
Tel. & Fax.: (66)-       E-mail : admin@livingriversiam.org

ข้อมูลในเวปนี้สามารถนำไปเผยแพร่ได้โดยอ้างอิงแหล่งที่มา