แม่น้ำมูลเริ่มต้นจากหนไหน
เริ่มจากใครขอดันด้นค้นหา
แท้เริ่มจากตาน้ำธรรมดา
จากภูผาไหลตลอดที่ทอดริน
คือร้อยปีพันปีที่รี่ไหล
เหมือนน้ำเลือดเลี้ยงกายไม่จบสิ้น
จะเปรียบดาวก็คือดาวของชาวดิน
ได้ดื่มกินต่อชีวันสืบกันมา
แต่บัดนี้ใครบังอาจประกาศสงคราม
เปลี่ยนวิถีแห่งแม่น้ำเหมือนใบบ้า
ใครเล่าหนอก่อกรรมอยู่ตำตา
คิดขายน้ำเป็นสินค้ามุ่งหากิน
เราสูญเสียรากเหง้าความเข้าใจ
สายน้ำเปลี่ยนเหมือนเปลี่ยนใจเราไปสิ้น
สร้างเขื่อนเหมือนกั้นไว้สายวาริน
และกั้นใจใฝ่ถวิลให้ห่างกัน
เขื่อนผลิตความอาฆาตความบาดหมาง
และเขื่อนสร้างน้ำเค็มไว้เต็มกั้น
น้ำทุ่งหนองคลองเน่าเศร้าถึงกัน
น้ำเค็มนั้นยังลามไหลสู่ใจคน
จะรอคอยร้องขอต่อถึงไหน
มีบทเรียนต้องแก้ไขความสับสน
ยังนั่งเศร้าเจ่าจุกยิ่งทุกข์ทน
ลูกแม่มูลทุกคนล้วนมีมือ
เมื่อเขื่อนโถมโหมทุกข์ให้ไม่ยั้งหยุด
มีแต่รุดร่วมใจใฝ่ยึดถือ
หาญเนิ่นนานกาลเวลาการหารือ
*ต้องลงแรงต้องเร่งมือด้วยมือเรา
นฤมิตร
ประพันธ์
สันเขื่อนราษีไศล
5 มิถุนายน 2543
*ดัดแปลงจากบทกวี
"มีแต่เร่งเข้าไปรื้อด้วยมือเรา" ของคมทวน คันธนู
|
คนเมืองอยู่เมืองเรืองจำรูญ
คนมูนอยู่มูนจำรูญศรี
แม้นเมืองไม่รักมูนสูญไมตรี
มูนไม่มี
เมืองก็ร้างไปทั้งเมือง
สุจิตต์
วงษ์เทศ
มติชนรายวัน, ๔ มิ.ย. ๒๕๔๓, น. ๒
มันบ่คือกันดอกนาย
ชีวิตนายชีวิตข้า
ปวงเฮาอยู่กับป่า
อยู่กับปลามาแต่บรรพ์
นายเห็นสายน้ำไหล
เห็นโฮงไฟริเวอร์รัน
เห็นเมืองเรืองลาวัณย์
มีไฟปั่นสะดวกดาย
เฮาแลที่ลำน้ำ
เฮาเห็นลำอดีตพราย
เห็นปวงปู่ตายาย
เคยฝากฝังความหลังเฮา
ฝากเฮาไว้กับน้ำ
ฝากแม่น้ำไว้กับเฮา
มีกินน้อยจนเฒ่า
ทุกคำข้าวมาแต่มูน
มันบ่คือกันดอกนาย
นายคิดหลายแต่กับทุน
มวลเฮากับแม่มูน
บ่ต้องคิดติดวิญญาณ
กานต์
ณ กานท์
|