|
ไทย-ลาวผุดโรงไฟฟ้าพลังน้ำ กำลังการผลิต1,000เมกะวัตต์
เดลินิวส์ 24 กรกฎาคม 2552
นายมานะ นิติกุล รองอธิบดีกรมพัฒนาพลังงานทดแทนและอนุรักษ์พลังงาน กระทรวงพลังงาน เปิดเผยว่า กระทรวงพลังงานได้เตรียมจัดทำโครงการก่อสร้างโรงไฟฟ้าพลังน้ำขนาดใหญ่ในแม่น้ำโขง ร่วมกับสาธารณรัฐประชา ธิปไตยประชาชนลาว (สปป.ลาว) ที่บริเวณอำเภอปากชม จังหวัดเลย มีกำลังการผลิตไฟฟ้าประมาณ 1,000 เมกะวัตต์ ซึ่งขณะนี้ได้รับงบประมาณจากรัฐบาล 60 ล้านบาท ให้ว่าจ้างบริษัทเอกชนทำการศึกษารายละเอียด ภายในระยะเวลา 18 เดือน เวลานี้อยู่ระหว่างการเตรียมประมูลว่าจ้างบริษัท และนำเสนอต่อนายพรชัย รุจิประภา ปลัดกระทรวงพลังงาน พิจารณาต่อไป
อย่างไรก็ตาม เบื้องต้นทาง สปป.ลาว ได้เห็นชอบกับโครงการดังกล่าว และได้กรอกแบบฟอร์มเอกสารการดำเนินการในแม่น้ำโขงแล้ว และส่ง แบบฟอร์มมาให้ไทยกรอกรายละเอียดเช่นกัน เพื่อจัดส่งให้ประเทศสมาชิกคณะกรรมาธิการแม่โขง (Mekong River Commission : MRC) รับทราบทั้งหมด ทั้งนี้การศึกษารายละเอียดโครงการดังกล่าวจะต้องทำการศึกษาความเหมาะสมเกี่ยวกับพื้นที่ก่อสร้างโรงไฟฟ้าพลังงานที่แม่น้ำโขง การศึกษาผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมและรับฟังความเห็นของประชาชนในพื้นที่ที่จะก่อสร้าง เป็นต้น หากการศึกษาโครงการดังกล่าวผ่านความเห็นชอบทั้งจากประชาชนและรัฐบาลแล้ว จะหารือเกี่ยวกับการแบ่งปันผลประโยชน์กับประเทศ สปป.ลาว และการประมูลการก่อสร้างต่อไป
นายมานะ กล่าวว่า โครงการก่อสร้างโรงไฟฟ้าพลังน้ำที่แม่น้ำโขงนี้ แต่เดิม กรมฯได้ทำการศึกษาอยู่ 2 แห่งคือ บริเวณ อำเภอปากชม จังหวัดเลย กำลังการผลิตไฟฟ้า 1,000 เมกะวัตต์ และจังหวัดอุบลราชธานี มีกำลังการผลิตไฟฟ้า 1,800 เมกะวัตต์ แต่เนื่องจากโครงการโรงไฟฟ้าพลังน้ำที่จังหวัดอุบลราชธานี เกิดความเห็นที่ไม่ลงตัวกับ สปป.ลาว เกี่ยวกับการว่าจ้างบริษัทที่ทำการก่อสร้าง ดังนั้นรัฐบาลจึงได้สรุปให้ภาคเอกชนไทยที่สนใจไปทำการศึกษาต่อ จากนั้นกรมฯ ได้ยกเลิกโครงการที่จังหวัดอุบลราชธานีไป และหันมาศึกษาที่อำเภอปากชม เพียงแห่งเดียว
อย่างไรก็ตาม การก่อสร้างโรงไฟฟ้าพลังน้ำที่แม่น้ำโขงถือเป็นสิ่งจำเป็น เนื่องจากปัจจุบันไทยผลิตไฟฟ้าอยู่ 26,000 เมกะวัตต์ และใช้อยู่ 22,000 เมกะวัตต์ มีกำลังไฟฟ้าสำรองอยู่ 4,000 เมกะวัตต์ และหากเศรษฐกิจกลับมาฟื้นตัวอย่างรวดเร็วจะทำให้ความต้องการใช้ไฟฟ้าสูงขึ้น และหากไทยไม่ผลิตไฟฟ้าเพิ่มขึ้น จะส่งผลให้ไฟฟ้าไม่พอใช้ในประเทศ ขณะที่ไฟฟ้าพลังน้ำถือเป็นพลังงานสะอาด โดยหากสร้างที่อำเภอปากชมได้จะสามารถทดแทนไฟฟ้าจากโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ได้ 1 เครื่อง.
หากไทยไม่คิดจะก่อสร้างร่วมกับ สปป.ลาวจะทำให้ไทยเสียโอกาสทางด้านผลประโยชน์ และสปป.ลาวอาจดันโครงการสร้างเขื่อนผลิตไฟฟ้าพลังน้ำจากแม่น้ำโขงเข้าไปในพื้นที่ตัวเอง และหาบริษัทเอกชนมาประมูลก่อสร้างแทน ซึ่งไทยจะไม่ได้อะไร แต่การที่ไทยเสนอให้ทำโครงการดังกล่าวร่วมกัน อย่างน้อยก็สามารถแบ่งปันผลประโยชน์ต่อกันได้ ซึ่งเบื้องต้น สปป.ลาวให้ความสนใจทำร่วมกับไทย เพราะ สปป.ลาวเห็นว่าต้นทุนการก่อสร้างสูงมาก จึงต้องการดำเนินโครงการในลักษณะระหว่างประเทศ นายมานะกล่าว
|
|