ใบแถลงข่าว
เขื่อนสาละวินในพม่าคุกคามชีวิตผู้คนท้ายน้ำกว่าครึ่งล้าน
ประชาชนในเมือง ชาวไร่ชาวนา และชาวประมงกว่าครึ่งล้านที่อาศัยอยู่บริเวณปากแม่น้ำสาละวินในพม่า มีโอกาสสูญเสียแหล่งน้ำดื่มสำคัญ ความสามารถในการผลิตด้านเกษตร และสูญเสียสัตว์น้ำ หากมีการสร้างเขื่อนขึ้นทางตอนเหนือลำน้ำตามที่วางแผนไว้
“แขวนบนเส้นด้าย” (In the Balance) เป็นรายงานที่จัดทำโดยองค์กรเยาวชนก้าวหน้าชาวมอญ (Mon Youth Progressive Organization: MYPO) ซึ่งเผยให้เห็นชีวิตของประชาชนที่ต้องพึ่งพาริมฝั่งน้ำ ลำน้ำสาขาและเกาะแก่งต่าง ๆ ในปากน้ำสาละวิน ซึ่งเป็นจุดที่น้ำจืดจากสาละวินพบกับน้ำเค็มจากทะเลอันดามัน ชีวิตของผู้คนที่ผูกพันอย่างลึกซึ้งกับกระแสการไหลตามฤดูกาลและน้ำขึ้นน้ำลงในแต่ละวัน
“การเปลี่ยนแปลงกระแสการไหลของแม่น้ำสาละวินแม้เพียงเล็กน้อย และการที่น้ำจืดกลายเป็นน้ำเค็มมากเกินไป จะทำลายระบบนิเวศตามธรรมชาติอันบอบบาง ทั้งแหล่งน้ำ พืชพรรณและสัตว์น้ำ ซึ่งเป็นสิ่งที่ชาวมอญพึ่งพาสืบเนื่องมาหลายชั่วคน” นายแตงปะกาว (Nai Tiaung Pakao) โฆษกองค์กรเยาวชนก้าวหน้าชาวมอญกล่าว
การทับถมของตะกอนในแม่น้ำสาละวินและเกาะแก่งที่ปากแม่น้ำสร้างความอุดมสมบูรณ์ให้กับเรือกสวนไร่นา สวนผัก และสวนผลไม้ ซึ่งหล่อเลี้ยงกรุงเมาะละแหม่ง เมืองใหญ่อันดับสามของพม่า เขื่อนสาละวินจะเป็นตัวกักแร่ธาตุอันอุดมสมบูรณ์ไว้ตอนเหนือน้ำ และส่งผลกระทบต่อเกษตรกรรมในด้านท้ายน้ำ
แม้จะมีปัญหาดังกล่าว แต่รัฐบาลเผด็จการทหารพม่ายังคงเดินหน้าร่วมมือกับนักลงทุนจากไทยและจีนในการสร้างเขื่อน โดยไม่มีการแจ้งให้ชุมชนท้ายน้ำได้ทราบข้อมูล และไม่มีการขอฉันทานุมัติจากชาวบ้านแต่อย่างใด
“โครงการเขื่อนสาละวินคุกคามเส้นเลือดที่หล่อเลี้ยงชุมชน และเป็นการดำเนินงานที่ไม่สอดคล้องกับมาตรฐานสากลของการสร้างเขื่อน เราจะยืนหยัดต่อสู้เพื่อหยุดยั้งเขื่อนเหล่านี้” นายแตงปะกาวกล่าว
สำหรับข้อมูลเพิ่มเติมโปรดติดต่อ
นายแตงปะกาว – ภาษาพม่า 085-2936260
Nai Seik Chan Oung – ภาษาอังกฤษ 089 838 8937
หากท่านต้องการอ่านรายงาน แขวนบนเส้นด้าย โปรดดูได้จาก www.salweenwatch.org