จับแล้ว! 4 มือโทรมป่าสักทองกลางป่าแม่ยม
รับวางแผนข้ามปี-เตรียมตัดฝนหน้า
ผู้จัดการออนไลน์
16 มกราคม 2551
แพร่ – ตำรวจตามลากตัว 4 มือวางยาฆ่าต้นสักทองกลางป่าแม่ยมแล้ว อ้างต้องการไม้ไปสร้างบ้าน แถมต้องวางแผนล่วงหน้านับปี ด้วยการหยอดยาฆ่าหญ้าปีนี้เพื่อตัด-ชักลากในฤดูฝนปีหน้า ด้านรองผู้ว่าฯ แพร่ยืนยันขยายผลถึงใครจับหมด จี้ให้เจ้าหน้าที่รับผิดชอบ จะอ้างไม่รู้ไม่ได้ เพราะเกิดเหตุใต้จมูก ขณะที่เอ็นจีโอยังเคลือบแคลงเตรียมนำเสนอเวทีเครือข่ายทรัพยากรที่ มช.
จากเหตุการณ์ไม้สักทองในเขตอทุยานแห่งชาติแม่ยม (แก่งเสือเต้น) ตำบลสะเอียบ อำเภอสอง จังหวัดแพร่ ถูกขบวนการทำไม้เข้าไปทำลายด้วยวิธีใช้ยาฆ่าหญ้าโรยใส่ตามแนวรอบต้นให้ไม้ตายจากนั้นก็เข้าไปตัดชักลากออกจากป่า จนกลุ่มอนุรักษ์ป่าแก่งเสือเต้นไปพบ ซึ่งก็ทำให้หลายฝ่ายต้องเข้าไปตรวจสอบและมีการย้ายข้าราชการในสังกัดกรมอุทยานออกนอกพื้นที่ตามข่าวที่นำเสนอแล้วนั้น
ล่าสุด เมื่อเวลา 10.00 น.วันนี้ (16 ม.ค.) ที่ห้องประชุมกองบังคับการตำรวจภูธรจังหวัดแพร่ นายสมชัย หทยะตันติ รอง ผวจ.แพร่ พล.ต.ต.ชำนาญ รวดเร็ว ผบก.ภจ.ว.แพร่ นายบรรพต กันธเสน รอง ผอ.สำนักบริหารที่ 13 จ.แพร่ ได้นำตัวผู้ต้องหา 3 ที่ตำรวจสามารถจับกุมได้พร้อมของกลาง มาแถลงข่าว
ผู้ต้องที่จับกุมได้ประกอบด้วย 1.นายธีรวัช บุญยืน อายุ 40 ปี บ้านเลขที่ 92/3 หมู่ที่ 8 ต.บ้านกลาง อ.สอง จ.แพร่ จับได้ที่บ้านมีของกลางคือ อาวุธปืนแก๊ปยาว 1 กระบอก ไม้สักที่ยังไม่ได้แปรรูป 2 ท่อน นอกจากนั้นพบสารกำจัดวัชพืชยี่ห้อพาราควอต จำนวน 2 แกลลอน สารกำจัดวัชพืชยี่ห้ออาทราซิน 80 จำนวน 2 ถุง สารกำจัดวัชพืชยี่ห้อซิงโมซา 2 ขวด เลื่อยมือ 1 ปื้น มีดพร้าขวาน และอุปกรณ์อื่นๆ อีกมาก จึงได้ยึดไว้เป็นของกลาง
2. นายนรุ่ง กาศมณี อายุ 38 ปี อยู่บ้านเลขที่ 62/1 หมู่ที่ 6 ต.บ้านหนุน อ.สอง จ.แพร่ พร้อมของ กลางมีโพย 2 ตัว 3 ตัว 12 แผ่น เงินสด 17,264 บาท และมีสารกำจัดวัชพืชยี่ห้อพาราควอต 1 แกลลอน พร้อมอุปกรณ์เดินป่าครบชุด
3. นายกันยา แสนคำลือ อายุ 39 ปี บ้านเลขที่ 82/1 ม.2 ต.บ้านหนุน อ.สอง จ.แพร่ พร้อมของกลางอาวุธปืนแก๊ปยาว 1 กระบอก กระสุน 1 ชุด พร้อมอุปกรณ์เดินป่าครบชุด
4. นายผจญ คำเขิน อายุ 38 ปี บ้านเลขที่ 121/1 ม.8 ต.เตาปูน อ.สอง จ.แพร่ พร้อมของกลางอุปกรณ์การตัดไม้ 1 ชุด
ผู้การฯเมืองแพร่ เผยว่า หลังจากที่เกิดเหตุแล้วได้จัดชุดสืบสวนสอบสวนตามล่าขบวนการจนทราบว่าบุคคลที่จับมาครั้งนี้เป็นบุคคลที่ต้องสงสัยมากที่สุด จึงได้ขอหมายค้นเมื่อบ่ายวานนี้ (15 ม.ค.) เข้าไปทำการค้นและสามารถจับกุมได้ทั้ง 4 คน จากนั้นมาทำการสอบสวน
นายธีรวัช บุญยืน หนึ่งในผู้ต้องหา ให้การรับสารภาพว่า ได้ร่วมกับนายนรุ่ง กาศมณี นายผจญ คำเขิน นายกันยา แสนคำลือ เข้าไปทำไม้จริงโดยใช้ขวานไปกานไม้สัก จากนั้นใช้ยาฆ่าหญ้ายี่ห้อไกลโฟเซท ไปหยอดใส่ต้นสักทอง ทำให้ต้นไม้แห้งเหี่ยวเฉาตาย
ช่วงที่นำยาฆ่าหญ้าไปหยอดใส่ต้นสักนั้น ได้ร่วมกับนายนรุ่ง, นายผจญ ตัดเอาเอาปลายไม้สัก แล้วช่วยกันชักลากลงแม่น้ำยม ก่อนที่จะผูกเป็นแพๆ ละ 4 ท่อน จากนั้นก็ลากไปขึ้นที่บ้านหนองสุวรรณ ต.บ้านกลาง และใช้รถไปชักลากเข้าโรงงาน
ทางด้านนายสมชัย หทยะตันติ รอง ผวจ.แพร่ เผยว่า หลังจากที่เกิดเหตุก็ได้ร่วมกันวางแผนกับหลายหน่วยงานเพื่อติดตามขบวนการนี้ เบื้องต้นผู้ต้องหาให้การว่านำไม้ไปใช้สร้างบ้านเรือน แต่ทางการสืบสวนสอบสวนก็ยังคงสืบสวนต่อไป เพราะไม่เชื่อว่าจะเป็นการทำกันเพื่อเอาไม้สักไปสร้างบ้าน ซึ่งหากการสอบสวนไปถึงใคร เจ้าหน้าที่คนไหนขอยืนยันว่าจะไม่ปล่อยไว้ จะเห็นได้ว่าขณะนี้ได้ทำการย้ายเจ้าหน้าที่ออกนอกพื้นที่ไปบ้างแล้ว เพื่อรอการสืบสวนสอบสวนเอาผิดอีกครั้ง ขอให้เชื่อว่าจะดำเนินการขั้นเด็ดขาด เพราะว่าการกระทำแบบนี้ประชาชนรู้ สื่อมวลชนก็เกาะติด
การที่ผู้ต้องหาอ้างว่าทำไปเพื่อเอาไม้ไปสร้างบ้านเองจึงไม่น่าจะเป็นไปได้ ต้องมีขบวนการนายทุนเข้ามาจ้างวาน เพราะจากการติดตามสอบสวนพบว่าผู้ต้องหาก็มีบ้านเรือนอยู่ดีแล้วจึงไม่ใช่เอาไม้ไปสร้างบ้าน ซึ่งขอให้ประชาชนวางใจว่าเราจะทำให้ถึงที่สุด
นายธีรวัช บุญยืน อายุ 40 ปี บ้านเลขที่ 92/3 หมู่ที่ 8 ต.บ้านกลาง อ.สอง จ.แพร่ หนึ่งในผู้ต้องหา เผยกับผู้สื่อข่าวว่า การใช้ยาฆ่าหญ้าเขาไปดำเนินการนี้ ผลมาจากเคยใช้ยาฆ่าหญ้าดังกล่าวไปทดลองกับต้นไม้ยืนต้นและต้นไม้สักในสวนที่บ้าน และก็พบว่าได้ผลดีแต่ต้องใส่ในช่วงหน้าฝน น้ำจะซึมได้ดี และเวลาของการตายหากเป็นไม้ใหญ่จะใช้เวลา 1 ปี พอดีกับหน้าฝน หากเป็นไม้สักเล็กๆ ไม่กี่เดือนก็จะแห้งตาย จากนั้นก็ลงมือตัดได้ ส่วนไม้ในอุทธยานแห่งชาตินี้ต้นใหญ่ใช้เวลา 1 ปี คาดว่าพอหน้าฝนก็จะลงมือตัด เป็นเวลาเดียวกับฝนตกแม่น้ำยมเพิ่มสูงจึงง่ายต่อการชักลาก
นายพัฒน์ ขันสลี ประธานเครือข่ายป่าชุมชน ภาคเหนือ เปิดเผยว่า ปัญหาดังกล่าวไม่ควรนิ่งนอนใจ ประชาชนที่ไม่ได้ดูแลป่า เช่น คนชั้นกลาง สังคมเมือง คนใน กทม.จะต้องออกมาให้ความสำคัญกับการทำลายป่าดงสักงาม ซึ่งเป็นที่ทราบดีว่าถ้าไม่มีชาวบ้าน 4 หมู่บ้านใน ต.สะเอียบ ตั้งกลุ่มดูแลป่าชุมชนแถบนี้ ปล่อยให้เจ้าหน้าที่ดูตามลำพังป่าดงสักงามหมดไปก่อนหน้านี้แล้ว ในเมื่อมีการสรุปร่วมกันทุกฝ่ายทั้งภาครัฐ ประชาชน เอ็นจีโอ และนักวิชาการว่า ป่าดงสักงามเป็นป่าที่สำคัญของประเทศ ก็ต้องเอาจริง ทั้งนี้ เป็นที่ทราบดีว่าครั้งนี้มีการทำลายครั้งยิ่งใหญ่ และดูเหมือนว่าจะมีวาระซ่อนเร้นที่ไม่ใช่เพียงการทำลายป่าเพื่อเอาไม้ไปใช้เท่านั้น แต่ยังมีการวางยาเป็นบริเวณกว้างน่าจะมีแนวทางทำให้ป่าดงสักงามเสื่อมสภาพลงอย่างแน่นอน
อย่างไรก็ตาม เครือข่ายป่าชุมชนภาคเหนือ ขอเรียกร้องให้ทุกฝ่ายหันมาเร่งฟื้นฟู ไม่ว่าจะเป็นจังหวัดแพร่ อบจ.แพร่ อบต. ชาวบ้าน องค์กรเอกชน จับมือร่วมกันฟื้นฟูกันใหม่ และเห็นด้วยกับกำนันชุม สะเอียบคง ที่ไม่ต้องการให้ตัดชักลากไม้สักขนาดใหญ่เหล่านั้นออก ปล่อยให้เป็นอนุสาวรีย์แห่งการทำลายไว้ในป่าแห่งนี้ต่อไป เพราะต้องยอมรับว่าการทำลายป่าแม่ยมครั้งนี้มีความสูญเสียที่มหาศาลมาก
ปัญหาดังกล่าวผู้ประสานงานเครือข่ายทรัพยากรจังหวัดแพร่ จะนำเข้าสู่เวทีสาธารณะที่ประชุมร่วมกันระหว่างองค์กรพัฒนาเอกชนด้านทรัพยากรภาคเหนือ เครือข่ายองค์กรชุมชนจัดการด้านทรัพยากรดิน น้ำ ป่า ภาคเหนือที่ทำงานด้านทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเป็นเครือข่ายร่วมกันมา จัดโดยกรมส่งเสริมคุณภาพสิ่งแวดล้อมเป็นเจ้าภาพ ที่ห้องทองกวาว ชั้น 2 สำนักบริหารวิชาการ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังเกิดเหตุสำนักบริการพื้นที่อนุรักษ์ที่ 13 (แพร่) ได้ขอกำลังทหารจากค่าย ม.พัน 12 เข้าควบคุมพื้นที่ป่าอุทยานแห่งชาติแม่ยมแล้วในขณะนี้
อ้างอิง : http://www.manager.co.th/Local/ViewNews.aspx?NewsID=9510000006242&Keyword=%bb%e8%d2