ช.การช่าง บุกลงทุนประเทศลาว ผุดโรงไฟฟ้าพลังน้ำ ไซยะบุรี มูลค่า 9 หมื่นล้านบาท

fas fa-pencil-alt
โพสต์ทูเดย์
fas fa-calendar
27 พฤศจิกายน 2551

นายปลิว ตรีวิศวเวทย์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ช.การช่าง (CK) เปิดเผยว่า วันที่ 25 พ.ย. ที่ผ่านมา บริษัทลงนามในสัญญาเพื่อพัฒนาโครงการโรงไฟฟ้าพลังน้ำไซยะบุรี มูลค่า 9 หมื่นล้านบาท กับสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว (สปป.ลาว) โดยมีนายบุนทะวี สีสุพันทอง รมช. แผนการและการลงทุน ของรัฐบาลลาวร่วมลงนาม

นายปลิว กล่าวว่า ช.การช่าง จะใช้เวลาศึกษาโครงการนี้ประมาณ 1 ปีครึ่ง รวมถึงการจัดหาแหล่งเงิน ตลอดจนผู้ร่วมทุน 4-5 ราย เพื่อ จัดตั้งเป็นบริษัทร่วมทุนในลาว ซึ่ง ช.การช่าง จะถือหุ้น 25-30% ระยะเวลาสัมปทาน 27 ปี และมีสิทธิขยายเวลาสัมปทานได้อีก 2 ครั้ง ครั้งละ 5 ปี

สำหรับโรงไฟฟ้าพลังน้ำไซยะบุรี เป็นโครงการพัฒนาเขื่อนแบบฝายน้ำล้น มีขนาดกำลังการผลิต 1,260 เมกะวัตต์ ซึ่งต้นปี 2553 จะเริ่มเตรียมงานก่อสร้าง และใช้เวลาก่อสร้างประมาณ 7-8 ปี

นายปลิว กล่าวอีกว่า ไฟฟ้า ที่ผลิตได้จากโครงการนี้จะส่งขายให้กับการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) จำนวน 90% และอีก 10% สำรองใช้ในลาว คาดว่ารายได้จากการขายไฟฟ้าอยู่ประมาณปีละ 1 หมื่นล้านบาท

สำหรับโรงไฟฟ้าพลังน้ำน้ำงึม 2 ขณะนี้ได้ก่อสร้างแล้วประมาณ 70% คาดว่าจะเริ่มผลิตและรับรู้รายได้ในปี 2553 มีกำลังการผลิต 615 เมกะวัตต์ มูลค่าโครงการ 3.16 หมื่นล้านบาท

นายปลิว กล่าวด้วยว่า การมาลงทุนที่ลาว ได้รับความร่วมมือและดูแลจากรัฐบาลลาวเป็นอย่างดี ซึ่งลาวได้รับผลกระทบจากเศรษฐกิจโลกน้อย อีกทั้งลาวมีทรัพยากรธรรมชาติทั้งสินแร่และพลังน้ำ ที่สมบูรณ์ จึงเป็นโอกาสที่คนไทยจะเข้ามาลงทุน

“จุดเด่นของประเทศลาว มี สิ่งแวดล้อมที่เป็นมิตรกับการลงทุน เป็นตลาดที่ดีในการผลิตไฟฟ้า ซึ่งลาวไม่ได้เป็นคู่แข่งกับประเทศไทย แต่เกื้อหนุนกันอย่างดี แต่ต้องให้ผลประโยชน์ที่เป็นธรรมทั้งสองฝ่าย” นายปลิว กล่าว

กรรมการผู้จัดการกล่าวถึงรายได้ปี 2551 ของ ช.การช่าง จะลดลงจากปี 2550 เล็กน้อย เนื่องจากบริษัทมีความระมัดระวังในการรับงาน หลังจากที่มีปัญหาราคาน้ำมันแพงและราคาวัสดุก่อสร้างปรับตัวขึ้นมาก แต่คาดว่าปี 2552 รายได้จะเพิ่มขึ้นจากปี 2551 เนื่องจากเศรษฐกิจที่เริ่มฟื้นตัว และราคาวัสดุก่อสร้างปรับตัวลดลง

“ปี 2552 การแข่งขันด้าน งานก่อสร้างจะสูง ตามราคาวัสดุ ที่ลดลงและหน่วยงานราชการใช้งบประมาณตามที่ได้รับอนุมัติ” นายปลิว กล่าว

กรรมการผู้จัดการยังกล่าวถึงสถานการณ์การเมืองขณะนี้ว่า ยังมองไม่ออก แต่ที่รู้ชัดคือ หากโครงการรถไฟฟ้าเชื่อมต่อไม่ดำเนินการต่อเนื่อง ประเทศชาติจะเสียหาย เพราะหากต้องการประหยัดน้ำมันจำเป็นต้องใช้โครง

 

เนื้อหาที่เกี่ยวข้อง