ชะตากรรมของแม่น้ำโขงแขวนอยู่บนการตัดสินใจสร้างเขื่อน
กรุงเทพฯ--20 มิ.ย.--WWF ประเทศลุ่มน้ำโขงทั้งสี่จะเข้าพบปะหารือในกรุงเทพช่วงสัปดาห์หน้าในประเด็นของผลประโยชน์และการจัดการต่างๆ ในความร่วมมือกันระหว่างประเทศเกี่ยวกับการจัดการหนึ่งในแม่น้ำที่ใหญ่ที่สุดในโลก และทาง WWF เองได้แจ้งเตือนถึงเวลาที่เหลือเพียงน้อยนิดเกี่ยวกับความเสียหายที่อาจเกิดขึ้นจากการสร้างซึ่งจะส่งผลกระทบต่อความปลอดภัยของอาหารและวิกฤตโลมาแม่น้ำที่ใกล้สูญพันธุ์ สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว ได้ทำการประกาศการตัดสินใจในช่วงเดือนกันยายนปีที่แล้วในเรื่องของการดำเนินการสร้างพลังงานไฟฟ้าดอนสะโฮงโดยหลีกเลี่ยงที่จะเข้าในขั้นตอนปรึกษากับคณะกรรมาธิการ และโครงการดังกล่าวได้เสียงวิพากษ์วิจารณ์เป็นอย่างหนักและจะกลายเป็นประเด็นหารือในวันที่ 26 – 27 นี้ซึ่งเป็นการประชุมรัฐมนตรีประจำประเทศลุ่มโดยจะมีรายชื่อดังนี้ ประเทศกัมพูชา , ประเทศลาว , ประเทศไทยและประเทศเวียดนาม การประชุมร่วมกันระหว่างประเทศเมื่อเดือนมกราคมที่ผ่านมาถึงประเด็นดังกล่าวไม่บรรลุผลข้อตกลง แต่อย่างไรก็ตามการสร้างดอนสะโฮงนั้นจะต้องเป็นไปภายใต้การตัดสินใจร่วมกันระหว่างแต่ละประเทศซึ่งจะมีการหารือกันอีกครั้งในการประชุมที่กำลังจะเกิดขึ้นนี้ “ทางตันของทางออกเรื่องดอนสะโฮงนั้นแสดงให้เห็นว่าการร่วมมือระหว่างประเทศในเขตลุ่มนั้นมีปัญหาอยู่” Marc Goichot, ผู้เชี่ยวชาญด้านไฟฟ้าพลังน้ำอย่างยั่งยืน WWF ภูมิภาคลุ่มน้ำโขงกล่าว “คือแม่น้ำที่ใช้ร่วมกันทั้งสี่ประเทศการกระทำใดๆ จะต้องอยู่ภายใต้การตกลงของคณะกรรมการ การตัดสินใจสร้างอาจนำมาซึ่งผลกระทบที่อาจส่งผลต่อประเทศเพื่อนบ้าน และหากปราศจากการร่วมมือกัน นั่นหมายความว่าความปลอดภัยของทรัพยากรอาหารของผู้คนกว่า 60 ล้านคนในสี่ประเทศกำลังตกอยู่ในอันตราย.” โครงการการสร้างดอนสะโฮงเป็นภัยคุกคามอันใหญ่หลวงของโลมาอิรวดีที่เสี่ยงต่อการสูญพันธุ์และเป็นการปิดกั้นช่องทางเดียวในการอพยพของปลาในแต่ละฤดูกาลซึ่งจะเป็นการทำให้หนึ่งในแหล่งประมงขนาดใหญ่ของโลกต้องตกอยู่ในความเสี่ยง ในปัจจุบันนี้ผู้คนจำนวนเกือบ 150,000 คนได้ลงชื่อเห็นด้วยกับ WWF ในการยุติการสร้างดังกล่าวที่มีกำหนดการสร้างในปีหน้านี้แล้ว “เราขอขอบคุณผู้คนจากทั่วโลกที่ใช้เสียงของคุณมาเป็นเครื่องมือในการปกป้องและพิทักษ์สิ่งมีชีวิตหายากอย่างโลมาอิรวดีเหล่านี้” Chhith Sam Ath ผู้อำนวยการ WWF ประจำประเทศกัมพูชา กล่าว “เวลากำลังนับถอยหลังลงเรื่อยๆ สำหรับการยับยั้งดอนสะโฮงครั้งนี้ ประเทศลาวควรที่จะยุติโครงการดังกล่าวและศึกษาถึงผลกระทบที่จะเกิดขึ้นให้ดีเสียก่อน” หากดอนสะโฮงได้ถูกสร้างขึ้นนั่นจะเป็นที่สองที่ถูกสร้างขึ้นใน โดยแรกนั้นคือไซยะบุรีที่ทางประเทศลาวได้มีการเริ่มการพัฒนาโดยคัดค้านเสียงต่อต้านจากประเทศกัมพูชาและเวียดนามในช่วงปีก่อน ซึ่งทางกลุ่มอนุรักษ์จำนวนถึงกว่า 40 องค์กรได้ทำการประกาศต่อต้านโครงการนั้นและได้เรียกร้องให้ประเทศไทยยกเลิกข้อตกลงการซื้อขายพลังงานที่เกี่ยวข้องกับโครงการดังกล่าว “การหารือและข้อตกลงของคณะกรรมาธิการในปี 2012 ได้ถูกทำลายลงเมื่อประเทศลาวได้ตัดสินใจเดินหน้าโครงการไซยะบุรีโดยไม่ฟังคำคัดค้านจากประเทศเวียดนามและกัมพูชา” Goichot กล่าวต่อ. “กลุ่มประเทศลุ่มน้ำโขงจำเป็นที่จะต้องผลักดันความร่วมมือให้เกิดขึ้นอีกครั้งและแก้ไขปัญหาและขจัดความคลุมเครือใดๆ ก่อนตัดสินใจ” ความคิดเห็นจากผู้เชี่ยวชาญต่างๆ มองว่าไซยะบุรีนั้นมีช่องว่างและจุดอ่อนมากมายในเรื่องของการอพยพของปลาและได้ยืนยันว่าโครงการนั้นเป็นการขัดขวางการอพยพของปลาและการไหลของตะกอนที่ติดกับระบบนิเวศของแม่น้ำ. ถึงแม้ประเทศลาวจะได้ทำการตัดสินใจเพิ่มงบประมาณเข้าไปอีกประมาณหนึ่งร้อยล้านเหรียญสหรัฐเพื่อบรรเทาผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นแต่พวกเขาก็ยังไม่ตอบรับถึงความร่วมมือที่มีการหารือไปเมื่อปี 2012 ที่ผ่านมา “ในการผลักดันโครงการในให้เดินหน้าต่อไปนั้น ประเทศลาวคาดหวังความเสี่ยงต่างๆ ที่เพื่อนบ้านกังวลนั้นจะได้รับการแก้ไขไปในขณะเดียวกันกับที่โครงการได้เดินหน้าไปพร้อมกัน” Goichot กล่าวเพิ่มเติม “การประชุมในกรุงเทพฯ ครั้งนี้จะเป็นตัววัดว่าจะเกิดความร่วมมือหรือข้อพิพาทในลุ่ม และตอนนี้ก็ยังไม่สายเกินไปที่จะระงับการก่อสร้างไซยะบุรีก่อนที่อันตรายที่ไม่อาจแก้ไขกำลังจะเกิดขึ้น” WWF เรียกร้องให้รัฐมนตรีประเทศลุ่มเลื่อนการตัดสินใจสร้างในออกไปอีก 10 ปีเพื่อศึกษาถึงข้อมูลก่อนตัดสินใจโดยใช้การวิเคราะห์และข้อมูลที่เป็นวิทยาศาสตร์มาเป็นส่วนสำคัญของการตัดสินใจเดินหน้าต่อ
https://www.ryt9.com/s/prg/1923906