ชาวบ้านคันท่าเกวียนยืนยัน ไม่เอาเขื่อนบ้านกุ่ม หวั่นน้ำท่วมบ้านและที่ทำกิน
ชาวบ้านคันท่าเกวียนน้ำตาหลั่ง ทุกข์หนักหวั่นเขื่อนบ้านกุ่มทำน้ำท่วมบ้านที่ลูกสาวอุตส่าห์ทำงานในเมืองกรุงหาเงินสร้าง ยันไม่ยอมจากที่ดินที่ทำกินมานานกว่า 30 ปี สุดท้ายวอนหน่วยงานที่เกี่ยวข้องศึกษาให้ดีก่อนสร้าง
ประชาชนบ้านคันท่าเกวียน ตำบลนาโพธิ์กลาง อำเภอโขงเจียม จังหวัดอุบลราชธานี เป็นประชาชนอีกกลุ่มหนึ่งที่จะได้รับผลกระทบจากการสร้างเขื่อนบ้านกุ่มซึ่งจะสร้างกั้นแม่น้ำโขง ที่บ้านกุ่ม ตำบลท่าล้ง อำเภอโขงเจียม เพื่อผลิตกระแสไฟฟ้า โดยเป็นโครงการของกรมพัฒนาพลังงานทดแทนและอนุรักษ์พลังงาน (พพ.) ซึ่งสถานการณ์ล่าสุด เมื่อวันที่ 25 มีนาคม 2551 นายนพดล ปัทมะ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ และนายทองลุน สีสุลิด รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงต่างประเทศ สปป.ลาว ได้ลงนามบันทึกความเข้าใจเพื่อให้ภาคเอกชน-บริษัท อิตาเลียน-ไทย ดีเวลลอปเมนท์ และเอเชีย คอร์ป เข้ามาทำการศึกษาความเป็นไปได้ในการพัฒนาโครงการ ในขณะที่ประชาชนที่อาศัยอยู่บริเวณริมแม่น้ำโขงยังไม่ทราบข่าวว่าจะมีการสร้างเขื่อนกั้นแม่น้ำโขงแต่ประการใด
นางบุญเลือม ใต้โพธิ์ อายุ 52 ปี บ้านเลขที่ 35 หมู่ 3 บ้านคันท่าเกวียน ตำบลนาโพธิ์กลาง อำเภอโขงเจียม จังหวัดอุบลราชธานี กล่าวต่อผู้สื่อข่าวศูนย์ข่าวประชาสังคม จังหวัดอุบลราชธานี ว่าไม่เคยรู้เลยว่าจะมีการสร้างเขื่อนที่แม่น้ำโขง พึ่งมารู้เมื่อไม่กี่วันนี้เอง รู้สึกเสียใจมาก ใจหาย เพราะอยู่บ้านคันท่าเกวียนมาตั้งแต่เกิด วิถีชีวิตผูกพันกับแม่น้ำโขง และการทำมาหากิน บ้านก็อยู่ติดริมแม่น้ำโขง มีที่ดินทำกินอยู่ประมาณ 34 ไร่ ทำสวน 4 ไร่ ทำนา 30 ไร่ แต่ละปีได้ข้าว 100 กระสอบ อาชีพรองคือปลูกสวน ได้แก่ สวนเงาะ มะนาว ลำไย และทำเกษตรริมโขง คือฝ้าย มันแกว ข้าวโพด และถั่วลิสง และเลี้ยงวัว หากทำเขื่อนเกรงว่าน้ำจะท่วมบ้าน ซึ่งบ้านก็พึ่งสร้างเสร็จ ลูกไปทำงานหาเงินในกรุงเทพฯเพื่อหาเงินมาสร้างบ้าน กว่าบ้านจะสร้างเสร็จลูกต้องอดทนมากแค่ไหน ไร่นา และสวนผลไม้จะทำอย่างไร ควายวัวจะเอาไปเลี้ยงที่ไหน ชีวิตเกษตรกรที่เกิดที่นี่ หากินอยู่ที่นี่ มีความเป็นอยู่แบบนี้มาตั้งแต่เกิดหากได้ค่าชดเชยไปอยู่ที่อื่นก็ไม่เหมือนอยู่บ้านตัวเอง อยากวอนรัฐบาลให้ทบทวนถึงผลกระทบให้ถี่ถ้วน ถ้าเป็นไปได้ไม่อยากให้มีการสร้างเขื่อนเลย นางบุญเลือม กล่าวด้วยน้ำตานองหน้าในที่สุด