ชาวบ้านยื่นหนังสือรมต.กระทรวงทรัพ
เมื่อวันที่ ๓๐ เมษายน ที่ผ่านมา ณ.สวนพฤกษศาสตร์ สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ อำเภอแม่ริม จังหวัดเชียงใหม่ มีตัวแทนชาวบ้าน ๑๕ คน จากเครือข่ายทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมภาคเหนือ(คทสน) และสมัชชาเหมืองฝายลุ่มน้ำภาคเหนือ เข้ายื่นหนังสือต่อนางอนงค์วรรณ เทพสุทิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เรื่อง
๑.ขอเสนอยุทธศาสตร์และการแก้ไขปัญหาทรัพยากรธรรมชาติโดยการมีส่วนร่วมของภาคประชาชน
๒.ขอให้ยกเลิกพระราชบัญญัติทรัพยากรน้ำ
ซึ่งในการยื่นหนังสือเรื่องการขอเสนอยุทธศาสตร์และการแก้ไขปัญหาทรัพยากรธรรมชาติโดยการมีส่วนร่วมของภาคประชาชน เป็นการติดตามการแถลงนโยบายการบริหารประเทศของรัฐบาลที่แถลงต่อรัฐสภาที่จะให้ความสำคัญกับภาคประชาชนในการจัดการทรัพยากร โดยให้ความสำคัญแก่การบริหารจัดการอย่างบูรณาการระหว่างมิติของเศรษฐกิจ สังคม ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ทางเครือข่ายทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมภาคเหนือ (คทสน) จึงยื่นหนังสือเพื่อให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมจัดทำแผนยุทธศาสตร์การแก้ไขปัญหาอย่างมีส่วนร่วมอย่างแท้จริงสืบไป
ส่วนทางด้านของการยื่นหนังสือค้านพระราชบัญญัติทรัพยากรน้ำนั้นมีเหตุผลอยู่ด้วยกัน ๙ ข้อ คือ
๑. พรบ.น้ำ เอื้อประโยชน์ต่อนายทุน กลุ่มกิจการใช้น้ำขนาดใหญ่ และบริษัทเอกชน
๒. พรบ.น้ำ เปลี่ยนน้ำเป็นสินค้าและขัดต่อกฎหมายรัฐธรรมนูญ
๓. พรบ.น้ำ ให้อำนาจกับภาครัฐ เพิ่มอำนาจกรมทรัพยากรน้ำ
๔. องค์กรผู้ใช้น้ำแบบจารีต (เหมืองฝาย) ไม่มีส่วนร่วมในกรรมการ คณะกรรมการทรัพยากรน้ำ (กนช.) กรรมการลุ่มน้ำ และกรรมการต่างๆ ที่อยู่ในพระราชบัญญัติทรัพยากรน้ำ และการได้มาของกรรมการแต่ละชุดไม่มีที่มาอย่างชัดเจน
๕. การแบ่งน้ำเป็นประเภทไม่สอดคล้องกับวิถีชีวิตแบบชาวบ้านในภูมิภาคต่างๆ
๖. เป็นกฎหมายที่ทำลายจารีตประเพณีแบบเหมืองฝาย
๗. เป็นการเพิ่มภาระเรื่องการขออนุญาตใช้น้ำ และเพิ่มต้นทุนค่าใช้จ่ายเรื่องน้ำมากขึ้น
๘. สร้างความขัดแย้งต่อชาวบ้านในลุ่มน้ำเดียวกันและพื้นที่ใกล้เคียงหรือลุ่มน้ำอื่นๆเพิ่มมากขึ้น
๙. ขาดการมีส่วนร่วมจากเกษตรกร และภาคประชาสังคม
ในการยื่นหนังสือครั้งนี้มี นายกรกศักดิ์ ดวงแก้วเรือน เป็นตัวแทนเครือข่ายทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมภาคเหนือ(คทสน) และนายสุแก้ว ฟุงฟู ตัวแทนสมัชชาเหมืองฝายลุ่มน้ำภาคเหนือ เป็นผู้ยื่นหนังสือต่อ นางอนงค์วรรณ เทพสุทิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ในเวลา ๑๗.๐๐ น. ของวันดังกล่าว