ชุมชนลำน้ำยมหนุนสร้างอ่างเก็บน้ำสาขา-ล้มเขื่อนแก่งเสือเต้น
แพร่ – ผู้นำชุมชนลุ่มน้ำยมหนุนแนวคิด สร้างอ่างเก็บน้ำขนาดเล็กกั้นลำน้ำสาขาแทนเขื่อนแก่งเสือเต้น พร้อมเรียงหน้าย้ำผ่านนักวิชาการ ม.มหิดล ห้ามสร้างเขื่อนยักษ์เด็ดขาด จี้กรมชลฯ ยอมรับผลศึกษาสารพัดมหาวิทยาลัย-สถาบัน ที่สรุปชัดไม่ควรสร้าง
รายงานข่าวจาก อ.สอง จ.แพร่ แจ้งว่า ทีมอาจารย์จากมหาวิทยาลัยมหิดล นำโดย รศ.ดร.อรพิน เอี่ยมศิริ รศ.ดร.สุวลักษ์ สาธุมนัสพันธุ์ ฯลฯ ได้จัดเวทีชี้แจงกรอบการทำงานของโครงการศึกษาวิเคราะห์ระบบการจัดการลุ่มน้ำยม โดยใช้กระบวนการนโยบายสาธารณะแบบบูรณาการ ซึ่งกรมชลประทานเป็นเจ้าของโครงการ ขึ้น ณ ห้องประชุม อ.สอง เมื่อวันที่ 1 ก.ย.52 เพื่อให้ชาวบ้านอำเภอสอง ได้สะท้อนความคิดเห็นต่อการจัดกระบวนการการศึกษาวิเคราะห์ระบบการจัดการลุ่มน้ำยม โดยมีผู้นำชาวบ้านในเขตอำเภอสอง กว่าร้อยคนเข้าร่วมรับฟังนั้น
รศ.ดร.สุวลักษณ์ ระบุว่า ลุ่มน้ำยมมีปัญหาทั้งน้ำท่วมน้ำแล้ง มายาวนาน อีก 20 ปีข้างหน้าปัญหาจะรุนแรงขึ้น ซึ่งจะแก้อย่างไร คนลุ่มน้ำยมต้องช่วยกันคิดเสนอทางออก หากไม่หารือกันก็ไม่มีทางออก ส่วนข้อเสนอแนะจะมีอีกคณะหนึ่งมารับข้อเสนอจากชาวบ้านเพื่อนำไปสู่การเสนอทางเลือกทางออกในการจัดการน้ำ เพื่อเสนอต่อฝ่ายนโยบายในการตัดสินใจต่อไป
“ในครั้งนี้เราจะไม่มีการกล่าวถึงเขื่อนแก่งเสือเต้น เราจะหารือเฉพาะการมีส่วนร่วมของชาวบ้านในการวางกรอบการศึกษาเท่านั้น” รศ.ดร.สุวลักษณ์ กล่าวย้ำ
ขณะที่นายเอก ใจตรง กำนันตำบลเตาปูน อ.สอง กล่าวว่า เรื่องเขื่อนแก่งเสือเต้น ศึกษากันมา 20-30 ปี แล้ว ไม่เกิดประโยชน์ต่อชาวบ้านแต่อย่างไร อยากเสนอให้สร้างอ่างขนาดเล็กกั้นลำน้ำสาขาของลำน้ำยม เพื่อคนในพื้นที่จะได้ประโยชน์ที่แท้จริง เช่น อ่างแม่สอง ทำให้ได้น้ำทำการเกษตรจริง แล้วยังเผือแผ่ไปถึงอำเภอร้องกวาง อันนี้คนเมืองสองรู้ดี ถึงอ่างแตกมาก็ไม่น่ากลัวเพราะไม่ใหญ่มาก
นางมุกดา ปินตรารินทร์ กำนันตำบลหัวเมือง อ.สอง กล่าวว่า เห็นด้วยกับการสร้างอ่างขนาดเล็กกั้นลำน้ำสาขา เพราะที่ผ่านมาเรามัวสนใจแต่เขื่อนแก่งเสือเต้น ที่มีผลกระทบสูงทำลายป่าสักทองธรรมชาติของจังหวัดและของคนทั้งประเทศ จนไม่สามาสรถสร้างได้ เราควรหันมาสร้างอ่างเก็บน้ำในระดับชุมชน ให้ชุมชนมีส่วนร่วมดูแลรักษา และใช้น้ำตามความต้องการของชุมชนจริงๆ ไม่ใช่ให้นายช่างชลระทานเป็นคนกำหนด
นายพันศักดิ์ บัวลอย ชาวบ้านดอนชัยสักทอง ต.สะเอียบ อ.สอง แสดงความเป็นห่วงว่ามหาวิทยาลัยมหิดลจะตกเป็นเครื่องมือของกรมชลฯ เพราะที่ผ่านมากรมชลฯได้ใช้วิธีการแบบนี้มาศึกษาหลอกชาวบ้าน จนได้ข้อสรุปว่าชาวบ้านเห็นด้วยกับการสร้างเขื่อนแก่งเสือเต้น
“ยี่สิบปีที่ผ่านมาทุกมหาวิทยาลัยได้เข้ามาศึกษาเรื่องเขื่อนแก่งเสือเต้นไว้หมดแล้ว ทำไมกรมชลฯไม่ยอมรับ ต้องมาศึกษาใหม่อีก เช่น จุฬาฯ ศึกษาแล้วเห็นว่าพื้นที่ที่จะสร้างเขื่อนแก่งเสือเต้นเป็นพื้นที่ป่าสักทองธรรมชาติทีสมบูรณ์ ควรค่าแก่การเก็บรักษาไว้ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ก็ศึกษาแล้ว คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนก็ศึกษาแล้วเห็นว่าไม่ควรสร้าง”
นายสวัสดิ์ กองคำ กำนันตำบลบ้านหนุน อ.สอง จ.แพร่ กล่าวสรุปว่า เราเสียเวลากับการศึกษาเขื่อนแก่งเสือเต้นมานานพอแล้ว เราควรจะเริ่มมาดูความเป็นจริง ที่แก้ปัญหาได้ คือโครงการขนาดเล็ก ที่ชาวบ้านเห็นด้วยและควรลงมือทำ อย่ามัวแต่ทะเลาะกันไม่ได้แก้ปัญหา
นายชาติชาย ธรรมโม เยาวชนตะกอนยม ต.สะเอียบ กล่าวว่า สภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ซึ่งเป็นหน่วยงานของราชการได้ทำการศึกษาวิจัยแล้วเห็นว่าโครงการเขื่อนแก่งเสือเต้นไม่คุ้มทุน ที่สำคัญธนาคารโลกก็ไม่สนับสนุนงบประมาณในการก่อสร้างแล้ว เพราะเห็นว่าเป็นโครงการที่กระทบต่อสิ่งแวดล้อมมหาศาลและไม่คุ้มทุน
ส่วนเรื่องป้องกันน้ำท่วมนั้น FAO หรือ องค์การอาหารและการเกษตรโลก ได้ศึกษาแล้วเห็นว่าป้องกันน้ำท่วมได้เพียง 8% น้ำท่วมหนึ่งเมตรช่วยลดลงได้แค่ 8 เซนติเมตร ทำไมกรมชลไม่ยอมรับ ยังหาทางมาศึกษาใหม่อีก หรืออยากกินงบ 12,000 ล้าน กับไม้สักทองกว่าสี่หมื่นไร่
ทั้งนี้เป็นที่น่าสังเกตว่า กำนันเส็ง ขวัญยืน และอดีตกำนันชุม สะเอียบคง แกนนำต่อต้านเขื่อนแก่งเสือเต้น ไม่เข้าร่วมการประชุมในครั้งนี้ จากการสอบถาชาวบ้าน ทราบว่าชาวบ้านได้มีมติให้ชาวบ้านตำบลสะเอียบ เข้าร่วมกิจกรรมครั้งนี้เป็นครั้งสุดท้าย เพื่อเห็นแก่หน้านักวิชาการมหาวิทยาลัยมหิดล
แต่นับจากนี้ไปชาวบ้านตำบลสะเอียบ จะไม่ยอมรับการศึกษาหรือเข้าร่วมกิจกรรมใดๆ ต่อไปอีกแล้ว เพราะทราบมาว่า จะมีการนำบริษัทที่ปรึกษาเข้ามาศึกษาการสร้างเขื่อนแก่งเสือเต้นอีก ซึ่งชาวบ้านเคยมีบทเรียนถูกหลอกให้ลงชื่อทะเบียนการประชุมและนำไปสรุปว่าชาวบ้านเห็นด้วยกับการสร้างเขื่อนแก่งเสือเต้น และได้ย้ำว่านับต่อแต่นี้ชาวบ้านห้ามเจ้าหน้าที่บริษัทที่ปรึกษาดังกล่าวเข้าพื้นที่โดยเด็ดขาด หากเข้าไปจะไม่รับรองความปลอดภัย