หวั่นม.แม้โจ้เอื้อซีพีใช้พื้นที่ป่าชุมชน คนบ้านบุญเรืองยื่นคำขาดชี้แจงด่วน ชาวบ้านฉงนเดิมขอ 300 ไร่แต่ขยายเป็น 1.2 พันไร่ รองอธิการบดีปฏิเสธ ระบุพร้อมทำความเข้าใจ

fas fa-pencil-alt
สำนักข่าวชายขอบ
fas fa-calendar
7 กันยายน 2558

เมื่อวันที่ 7 กันยายน 2558 นายเจริญ กาสม ชาวบ้านบุญเรือง ตำบลบุญเรือง อำเภอเชียงของ จังหวัดเชียงราย เปิดเผยว่า ชาวบ้านได้ส่งหนังสือถึงมหาวิทยาลัยแม่โจ้ เพื่อขอให้ทบทวนการขอใช้พื้นที่ตำบลบ้านบุญเรืองในการขยายวิทยาเขตมหาวิทยาลัย ที่ตั้งอยู่ในเขตพื้นที่ ป่าชุ่มน้ำ บ้านบุญเรือง หมู่ 1 หมู่ 2 หมู่5 หมู่ 8 และ หมู่10 โดยเบื้องต้นอธิการบดีและคณะผู้บริหารรับทราบเรื่องราวแล้วและอยู่ระหว่างการเตรียมดำเนินการจัดเวทีทำความเข้าใจกับประชาชน โดยอาจจะมีองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.) เข้าร่วมเวทีชี้แจงทำความเข้าใจด้วย ส่วนการกำหนดวันในการจัดอย่างเป็นทางการนั้น ทางมหาวิทยาลัยยังไม่ได้นัดหมายใดๆ ทั้งนี้สำหรับกรณีการขอใช้พื้นที่ในการขยายวิทยาเขตมหาวิทยาลัยนั้น เดิมทีชาวบ้านไม่ได้ขัดขวางการดำเนินการ เนื่องจากเดิมทีทางมหาวิทยาลัยขอไว้เพียง300 ไร่ แต่ต่อมาขอเพิ่มเป็น 1,226 ไร่ ชาวบ้านทั้ง 5 หมู่บ้านรับไม่ได้กับเงื่อนไขการใช้พื้นที่ดังกล่าว จึงต้องการเปิดเวทีเจรจา


นายเจริญ กล่าวด้วยว่า เหตุผลที่ชาวบ้านคัดค้านนั้น มีหลายประการ อาทิ 1 เป็นป่าชุ่มน้ำที่มีความสมบูรณ์ 2 มีข่าวลือว่า การขอขยายเพิ่มพื้นที่ของมหาวิทยาลัยนั้น มีบริษัทใหญ่อย่างบริษัทเจริญโภคภัณฑ์ (ซีพี)ที่ประกอบธุรกิจด้านการเกษตรอยู่เบื้องหลัง เป็นไปได้ว่าจะมาตั้งฟาร์มเลี้ยงสัตว์ เพื่อส่งเสริมธุรกิจ ซึ่งหากเป็นเช่นนั้นจริงๆ ชาวบ้านยอมรับไม่ได้ เพราะที่ผ่านมาพื้นที่ภาคเหนือนั้นสูญเสียที่ดินแก่ธุรกิจดังกล่าวหลายแห่งแล้ว

“หากข่าวลือเป็นจริงๆ มหาวิทยาลัยอาจไม่ได้ที่ดินเลยสักตารางเมตร แต่ถ้ามีการชี้แจงเหตุและผลที่สมควร มาบอกกันสักนิดว่า ใช้ที่ดินทำอะไร สร้างอะไร เอารายละเอียดมากางไว้ ชาวบ้านก็จะให้ในปริมาณเท่าเดิมที่คุยกันครั้งแรก ไม่ใช่ให้เป็นพันไร่ ต้องอย่าลืมว่า เรามองเห็นความสำคัญของการศึกษามากๆ เขาบอกว่าเขาจะสร้างเพื่อพัฒนาการศึกษา ก็ต้องทำตามคำสัญญา ไม่ใช่อยู่ๆ จะเอาที่ดินของชุมชนไปสร้างประโยชน์ให้คนกลุ่มหนึ่ง” นายเจริญ กล่าว

ชาวบ้านรายนี้กล่าวด้วยว่า ขณะนี้ชาวบ้านบุญเรืองเจอสถานการณ์กดดันหลายอย่าง จากโครงการพัฒนาฯของรัฐ ทั้งการพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษ ที่จะทำลายป่าซึ่งชาวบ้านอนุรักษ์มานานนับพันไร่ หากสถานศึกษาจะมาสร้างความบอบช้ำโดยการรับนโยบายทุนนิยมมาอีก ชาวบ้านคงต้องตายทั้งเป็นแน่ๆ จึงอยากให้มหาวิทยาลัยทบทวนแผนและพิจารณาดูว่า ควรจะบริหารสถานศึกษาอย่างไรให้อยู่กับชุมชนได้ ไม่ใช่อยู่กับทุนให้ได้

ด้านรศ.ดร. วีระพล ทองมา รองอธิการบดีฝ่ายพัฒนาเครือข่าย มหาวิทยาลัยแม่โจ้ กล่าวว่า แผนการขยายวิทยาเขตของมหาวิทยาลัยนั้น วางแผนไว้จะดำเนินการในอีกราว 15ปี ข้างหน้า โดยจะตั้งเป็นวิทยาลัยบริหารเกษตรธุรกิจนานาชาติ เพื่อรองรับนักศึกษาในพื้นที่อำเภอเชียงของ ซึ่งในส่วนของการเจรจาขอใช้ที่ดินนั้น ทางมหาวิทยาลัยทำประชาคมและลงพื้นที่คุยกับชาวบ้านหลายครั้งแล้ว โดยยืนยันว่าไม่เคยคิดขอเพิ่มพื้นที่ แต่จะใช้เท่าที่ชาวบ้านจะให้ได้และเชื่อว่าการขยายวิทยาเขตนั้นจะช่วยส่งเสริมการศึกษาแก่คนรุ่นใหม่ในอำเภอเชียงของที่จะสามารถศึกษาได้ใกล้บ้าน แต่ถ้าชาวบ้านยินดีจะให้เพิ่มทางมหาวิทยาลัยไม่ได้มีปัญหา

รศ.ดร.วีระพลกล่าวว่า ข่าวการขอเพิ่มพื้นที่เป็น1,000 กว่าไร่นั้น เป็นเพียงแค่ข่าวลือโดยมหาวิทยาลัยยินดีจะพูดคุยเพิ่มเติม หากชาวบ้านต้องการรายละเอียด แต่ตนยังไม่ทราบกำหนดการที่ชัดเจน ทั้งนี้สำหรับความกว้างของพื้นที่ในการสร้างวิทยาเขตนั้น ขึ้นอยู่กับชาวบ้านว่าจะให้ที่ดินมากเพียงใด ส่วนเงื่อนไขการพัฒนาอาคารต่างๆ ที่ชาวบ้านกังวลว่าจะกระทบพื้นที่ชุ่มน้ำนั้น ทางมหาวิทยาลัยยินดีจะศึกษา และพร้อมทำข้อมูลร่วมกับชาวบ้านในพื้นที่ แต่เชื่อว่าหากวิทยาเขตของมหาวิทยาลัยขยายกว้างขึ้นจะสร้างประโยชน์แก่คนท้องถิ่นแน่นอน

ทั้งนี้พื้นที่ป่าชุมชนบ้านบุญเรืองเป็นพื้นที่ชุมน้ำขนาดใหญ่ที่สุดในลุ่มน้ำอิงกว่า 3 พันไร่ กำลังถูกรัฐบาลหมายตาสร้างเป็นแหล่งอุตสาหกรรมรองรับเขตอุตสาหกรรมพิเศษ แต่ชุมชนต่างร่วมกันคัดค้าน เพราะเป็นการทำลายแหล่งหากินและธรรมชาติที่ชาวบ้านพึ่งพิงมานาน

อ้างอิง : https://transbordernews.in.th/home/?p=9735

เนื้อหาที่เกี่ยวข้อง