นายสิทธิพรรัตโนภาสผู้ว่าการการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) เปิดเผยถึงโครงการความร่วมมือการลงทุนก่อสร้างโรงไฟฟ้าพลังน้ำจากเขื่อนสาละวินไทย-พม่ามูลค่าการลงทุน 2แสนล้านบาท ว่าขณะนี้ค่อนข้างมั่นใจถึง 70เปอร์เซ็นต์ ว่าโครงการจะเกิดขึ้นได้จริง โดยกฟผ. อยู่ระหว่างรอผลการเจรจาระดับรัฐบาลทั้ง 2ประเทศ ว่าจะสามารถตกลงในเรื่องจุดที่ตั้งเขื่อนและโรงไฟฟ้าได้หรือไม่ เนื่องจากตลอดแนวแม่น้ำสาละวินมีจุดที่สามารถก่อสร้างได้ทั้งหมด 5จุด โดยมี 3จุดที่อยู่ในเขตประเทศพม่าทั้งหมดแต่ไทยต้องการให้มีการก่อสร้างใน 2จุดที่อยู่ติดชายแดนไทย-พม่าในเขตอ.แม่สะเรียงจ.แม่ฮ่องสอนได้แก่ 1.บริเวณใกล้หมู่บ้านกะเหรี่ยงและจุดตรวจออเลาะกำลังการผลิต 4,540เมกะวัตต์ (เขื่อนสาละวินตอนบน) และ 2.บริเวณจุดตรวจทพ. 3603สบแงะกำลังการผลิต 792เมะกะวัตต์ (เขื่อนสาละวินตอนล่าง) โดยหากพม่ายินยอมตามข้อเสนอก็คงเดินหน้าโครงการต่อไปได้และมีกำหนดจะจ่ายไฟฟ้าเข้าระบบในปี 2555

นายสิทธิพรกล่าวว่าหลังจากกฟผ.รายงานให้นายพงศ์เทพเทพกาญจนารมว.กระทรวงพลังงานพิจารณาโครงการแล้วหากรัฐบาลอนุมัติให้ดำเนินการภายในเดือนธ.ค.นี้ก็คาดว่าจะลงทุนสร้างเขื่อนสาละวินตอนบนก่อน 4,540เมกะวัตต์ หรือเทียบเท่ากับกำลังผลิตพลังงานไฟฟ้า 30,000ล้านหน่วยต่อปี โดยต้นทุนไฟฟ้าราคาจะอยู่ที่ 90สตางต์ต่อหน่วย ถูกกว่าเมื่อเทียบราคาไฟฟ้าที่ไทยรับซื้อจากต่างประเทศ 1.80บาทต่อหน่วย

ทั้งนี้กฟผ.เสนอประโยชน์ให้รัฐบาลว่าโครงการสาละวินจะช่วยประหยัดต้นทุนค่าไฟได้ปีละ 30,000ล้านบาท และเขื่อนก็มีน้ำเยอะและพื้นที่ก็มีปัญหากระทบชุมชนน้อยซึ่งเบื้องต้นรัฐบาลก็เห็นชอบด้วยอย่างไรก็ตามหากผ่านการอนุมัติกฟผ.คงจะต้องมีการศึกษาข้อมูลและพื้นที่โครงการเพิ่มเติมอย่างละเอียดก่อนอีกครั้งเพราะสภาพพื้นที่อาจมีการเปลี่ยนแปลงเนื่องจากโครงการเขื่อนสาละวินได้ทำการศึกษาไว้นานแล้วตั้งแต่ปี2535แต่โครงการได้หยุดชะงักไปเพราะช่วงนั้นรัฐ