สารธรรม การเดินธรรมยาตราเพื่อแม่น้ำโขง
เจริญพรญาติโยม อาตมา ได้มีโอกาสเดินธรรมยาตรามาหลายที่ทั้งที่เป็นธรรมยาตราเพื่อสันติภาพและธรรมยาตราเพื่อธรรมชาติ ตั้งแต่ที่ทะเลน้อยผ่านทะเลสาบสงขลา และที่เขาใหญ่ก็ได้เดินตั้งสติให้มั่นที่จะเดิน แต่ที่เดินมากหน่อยคือที่ลุ่มน้ำลำปะทาว เดินมา ๑๒ ปี การมาเดินที่น้ำโขงนี่ก็เป็นครั้งแรก ถ้าเทียบกับธรรมชาติที่ได้ไปเดินถือได้ว่าแม่น้ำโขงยิ่งใหญ่กว่าที่อื่นแล้ว มีความเก่าความดึกดำบรรพ์ที่เราสัมผัสได้ ได้ไปเดินที่สัมผัสกับธรรมชาติที่อื่นของการเดินธรรมยาตราเราก็ได้นึกถึงความยิ่งใหญ่ และความเก่าแก่แม้กระทั้งเขาใหญ่ก็ยังไม่ให้ความรู้สึกเหล่านี้เท่าไหร่ แม่น้ำโขงมีกลิ่นอายความงามความสุข
แม่น้ำโขงไม่เพียงแต่เป็นแม่น้ำสายที่ยาว มากเกือบ ๕,๐๐๐ กิโลเมตร แต่ว่ามีความผูกพันกับประวัติศาสตร์ของผู้คนเรียกได้ว่าตั้งแต่ก่อนยุคประวัติศาสตร์ก็ได้ ชุมชนของมนุษย์ที่อยู่ริมแม่น้ำโขงหลายชุมชนย้อนเวลากลับไปได้ ร้อย ปีพันปี ถ้างั้นในแง่ของความยิ่งใหญ่หรือว่าความศักดิ์สิทธิ์ถึงขนาดชาวบ้านมีความเชื่อว่ามีพญานาค คอยอาศัยอยู่ใต้แม่น้ำโขง ยังไม่ต้องพูดถึงสายพันธุ์ปลาอีกเป็นจำนวนมาก เพราะฉะนั้นในเรื่องของความเป็นธรรมชาติที่หล่อเลี้ยงชีวิตผู้คนมามากมาย ก็มีความยิ่งใหญ่ที่ส่งผลต่อชีวิตผู้คนหลายร้อยล้านคนตามสองข้างทาง เพราะฉะนั้นสมควรแล้วอย่างยิ่งที่พวกเราจะได้ปกป้องรักษาแม่น้ำโขงเอาไว้
วิธีการที่เราใช้การเดินธรรมยาตรา นำเอาศาสนธรรมเข้ามาใช้เพื่อที่จะปกปักรักษาแม่น้ำโขงเอาไว้ เพราะว่าความเชื่อของคนแต่โบราณโดยเฉพาะกับชาวพุทธ ธรรมชาติกับธรรมะ แยกจากกันไม่ออก ธรรมชาติพึ่งธรรมะ ในด้านหนึ่งธรรมะก็ต้องอาศัยธรรมชาติ อย่างที่เราทราบดีว่าพุทธศาสนาก็มีความผูกพันกับธรรมชาติมาก พระพุทธองค์ก็ตรัสรู้ใต้ต้นไม้ สิ่งที่พูดไปแล้วว่าธรรมะไม่ได้แยกกับธรรมชาติ การที่ได้อยู่ท่ามกลางธรรมชาติก็สามารถเรียกมันให้เกิดแรงดันให้พ้นเข้าถึงธรรมมะได้ การที่คนเราจะเกิดธรรมะในใจได้ต้องอาศัยธรรมชาติ
ธรรมชาตินี่ก็เป็นที่ทำให้ธรรมะได้เกิดขึ้นมาในใจเราได้ เพราะว่าเราได้อาศัยธรรมชาตินำไปสู่ความสว่างเกิดปัญญา เห็นธรรมอย่างพระอรหันบางท่าน ก็บรรลุธรรมจากการที่ได้เห็นดอกบัว ที่ตูมแล้วก็บาน ร่วงโรย ท่านได้เห็นแจ้งธรรมก็บรรลุธรรมได้ บางท่านก็เห็นใบไม้ร่วงก็แตกแจ้ง บางท่านเห็นแม่น้ำไหลเรื่อยท่านก็แจ่มแจ้งทางใน เข้าใจถึงชีวิตเพราะชีวิตก็เดินไปเหมือนกระแสน้ำเรียกว่าสรรพสิ่งโดยเนื้อแท้แล้วก็ไม่ได้เป็นก้อนเป็นดุ้น แต่ว่าเป็นกระแสกายเปลี่ยนไปเป็นอย่างต่อเนื่องอันนี้ก็คือธรรม ความจริงของธรรมมะที่เกิดขึ้นได้จากการที่อยู่ท่ามกลางธรรมชาติ ทำให้จิตใจสงบเย็นนิ่ง หยุดการปรุงแต่งสามารถได้เห็นความจริงด้วยใจที่เป็นกลาง ปราศจากอคติปรุงแต่งเพื่อเห็นธรรมชาติอย่างที่เป็นด้วยใจที่อยากจะให้เป็นก็เกิดปัญญาขึ้น
ธรรมะก็เกิดในใจอันนี้ก็เหมาะสมแล้วที่เราเรียกว่าธรรมชาติ เพราะว่าเป็นที่มาเป็นที่เกิดของธรรมะในใจนี่ก็เป็นความสัมพันธ์ในแง่หนึ่งระหว่างธรรมะกับธรรมชาติ ที่ว่าธรรมะที่ต้องอยู่กับธรรมชาติ อย่างที่เราทราบดีว่ามนุษย์มีความโลภก็สามารถเบียดเบียนธรรมชาติได้อย่างที่ไม่มีการตัดสินใจธรรมะในที่นี้ไม่เพียงแต่เฉพาะความโลภธรรมะ ในที่นี้หมายถึงร่างกายและจิตใจปราศจากความโลภแต่ยังหมายถึงการที่ได้เห็นความจริงของธรรมชาติว่าธรรมชาตินั้นเป็นผู้มีพระคุณต่อมนุษย์ ต้องอาศัยปัญญาได้เห็นว่าธรรมชาติมีพระคุณ มันจึงทำให้ไม่สามารถตัดขาดจากธรรมชาติได้ เมื่อเห็นเช่นนี้ก็เกิดความเคารพธรรมชาติ สำนึกในบุญคุณของธรรมชาติ ไม่คิดจะเบียดเบียนธรรมชาตินำไปสู่จิตที่มองเห็นธรรมชาติอย่างเชิงประจักไม่เพียงแค่ในด้านอุดมคติที่เกิดขึ้น เป็นผู้มีพระคุณเป็นแม่น้ำสายใหญ่ที่เราเรียกว่าแม่ หินดิน หรือแม่ธรณีคำว่าแม่น้ำโขงแม่ธรณีหรือเกาะแก่งคือสำนึกที่เคารพธรรมชาติ สำนึกในบุญคุณของธรรมชาติซึ่งทำให้ไม่เบียดเบียนธรรมชาติ
อาตมานึกถึงคำสอนของพ่อแม่ว่าให้ใช้มือตักน้ำกวักน้ำอย่าใช้เท้าแตะน้ำก็ถือว่ามันผิดผีไม่เหมาะสม ธรรมชาติแม่น้ำมีความสำคัญไม่ควรใช้เท้าแตะมีคติแบบนี้เยอะในทุกภาค เพียงแค่การเปลี่ยนลำน้ำหรือว่าถมสระถมน้ำถือว่าเป็นอุบาทนี่ก็เป็นพื้นฐานจากการที่เคารพธรรมชาติและยำเกรงแล้ว จำเป็นต้องมองธรรมชาติเปรียบเสมือนเพื่อนผู้ร่วมวัฏจักรสงสาร เป็นทั้งผู้มีพระคุณเป็นทั้งเพื่อนร่วมวัฎจักรสงสาร คนสมัยก่อนเขาดูแลธรรมชาติอย่างดีไม่ทำลายอันนี้ก็เพราะว่าธรรมะ
แต่เมื่อใดมนุษย์ไม่มีธรรมะขาดธรรมะการทำลายอย่างขนานใหญ่ก็เกิดขึ้นอะไรที่ทำให้คนไม่มีธรรมะ คือความโลภและความหลงนี่คือสองตัวใหญ่ซึ่งก็สัมพันธ์กับสิ่งที่ปัจจุบันเรียกว่า ทุนนิยม ทุนนิยมมันทำให้เกิดความโลภและทำให้เกิดความหลงจึงคิดว่าอยากได้ถ้ามีเงิน ตอนนี้ธรรมะกับธรรมชาติอยู่ในตัวเดียวกันวัตถุนิยมทำให้คนคลาดเคลื่อนจากธรรมมะ เราพูดถึงคาสิโน พูดถึงการสร้างเขื่อน พวกนี้ไม่ได้ทำเพื่อความอยู่รอดปลอดภัยแต่ทำเพื่อความโลภ แม้แต่นักวิชาการ นักการเมืองก็ตกอยู่ภายใต้ของความโลภแม้แต่ตัวเราเองก็ได้รับอิทธิพลมามากบ้างน้อยบ้าง การรักษาธรรมชาติจะเกิดขึ้นได้อย่างแท้จริงมันต้องเกิดขึ้นจากการพลิกฟื้นธรรมะขึ้นมาในใจ
การเดินธรรมยาตรานั้นสำคัญมากต้องเดินด้วยธรรมะเดินอย่างมีสติใจ อยู่กับปัจจุบันมันก็ร้อนแต่กาย แต่ว่าใจไม่ร้อนมันจะมีความร้อนแต่ไม่มีผู้ร้อนเกิดขึ้นอันนี้เป็นการหลักการสำคัญมากถ้าเราบอกกับใจว่ากายเป็นผู้ร้อน เรามารณรงค์เพื่อสิ่งแวดล้อมแม้อาจจะร้อนก็ร้อนแต่กายแต่ใจเราสงบอันนี้แหละคือธรรมยาตรา กายมันเป็นรองถึงแม้จะเหนื่อยแต่ใจสู้ไม่ยอมให้ความท้อแท้เข้ามาในหัวใจเรา ถ้าใจเราอยู่กับปัจจุบันมันจะได้ความจริง ธรรมะจะเกิดขึ้นในใจเราและทำให้เราเคารพธรรมชาติและเราจะมีชีวิตที่ดีต่อธรรมชาติ