นายก “ปากตลาด” ทรัพยากรธรรมชาติจะล่มจม

fas fa-pencil-alt
คณะกรรมการชาวบ้านตำบลสะเอียบ
fas fa-calendar
7 มิถุนายน 2551

เนื่องจากนายกรัฐมนตรีเป็นประธานเปิดงานสิ่งแวดล้อมโลก ที่เมืองทองธานีและได้กล่าวถึงโครงการเขื่อนแก่งเสือเต้น ว่ามีกลุ่ม NGO เป็นผู้คัดค้านโครงการเขื่อนแก่งเสือเต้นและยังกล่าวต่อไปอีกว่า ไม้ในป่าที่บริเวณอ่างเก็บน้ำในโครงการแก่งเสือเต้นมีเพียง 50,000 ต้นเท่านั้น และมีนกยุง 3 ตัว คำพูดนี้ทำให้ชาวบ้านเกิดความไม่พอใจและอยากรู้ความหมายของคำกล่าวที่นายกพูดนั้นหมายถึงอะไร 


 1. ไม้ 50,000 ต้นนั้น หมายความว่าไม่มีความสำคัญกับระบบนิเวศและสิ่งแวดล้อม ที่รัฐบาลได้จัดงานสิ่งแวดล้อมโลกขึ้นทุกปี มีผู้ใหญ่ขึ้นมาเป็นประธานอันทรงเกียรติและเป็นการปลูกฝังจิตสำนึกให้กับคนที่รู้จักรักและหวงแหนสิ่งแวดล้อม อย่างเช่นทรัพยากรป่าไม่ที่กำลังร่อยหลอและถูกทำลายลงไปทุกวัน พวกเราไม่เข้าใจความหมายและคำพูดของผู้ที่เป็นประธานเปิดงานในครั้งนี้ ว่าท่านมีมุมมองต่อการจัดงานสิ่งแวดล้อมโลกของทุกปีอย่างไร อีกประเด็นหนึ่งที่ชาวบ้านยังไม่พอใจต่อคำพูดของท่านนายกที่ใช้คำว่า “มีแค่ต้นไม่ 50,000 ต้น” ซึ่งขัดต่อความเป็นจริงและความรู้สึกที่ชาวบ้านดูแลรักษามาด้วยชีวิต การที่พูดอย่างนี้พวกเราอยากให้ท่านนายกมาพิสูจน์ความจริงกับชาวบ้าน โดยให้มานับต้นไม้ด้วยตนเองและชาวบ้านจะให้ความร่วมมือทุกประการ และพร้อมที่จะ “ดูแลความปลอดภัย” ให้กับท่านนายกอย่างเต็มที่ หากการนับต้นไม้เป็นไปอย่างที่นายกพูด มีแค่ 50,000 ต้น เราชาวตำบลสะเอียบพร้อมที่จะให้สร้างเขื่อนแก่งเสือเต้นได้เลย แต่ถ้ามากกว่า 50,000 ต้น แล้ว เราขอให้ท่านนายกหยุดพูดเรื่องเขื่อนแก่งเสือเต้นไปจนวันตาย เพื่อเป็นการแสดงความบริสุทธิ์ใจของชาวบ้านที่ดูแลรักษาป่ามาด้วยชีวิต โดยไม่มีค่าตอบแทนใดๆ ถ้าหากท่านไม่มาพิสูจน์ความจริงกับชาวบ้าน พวกเราถือว่าท่านเป็น “คนปากตลาด” พูดแบบไม่มีข้อมูลสร้างความเสื่อมเสียให้กับบุคคลอื่น เรื่องใหญ่ไม่เหมาะสำหรับคนที่เป็นผู้นำของประเทศ 


 2. สำหรับเรื่อง “ นกยุงหน้าโง่ “ นั้น ถ้าหากความหมายเป็นนกยุงจริงพวกเราคิดว่านกยุงน่าจะฉลาดกว่าสิ่งมีชีวิต “บางตัว” ที่ยังกลัวความเดือดร้อนต่อวิถีชีวิตของมันเอง ไม่ใช่นกยุงที่จะต้องยอมทุกลำบากเพื่อให้คนอื่นมาเสวยสุข โดยตัวเองต้องยอมตายเอาดาบหน้า แต่ถ้าท่านนายกเปรียบนกยุงเป็นคน บางคน หรือบางกลุ่มนั้น ท่านต้องคิดดูว่าคนที่อยู่กับน้ำท่วมโดยธรรมชาติมาตั้งแต่ไหนแต่ไรจนเป็นวิถีชีวิตปกติแล้ว เขายังไม่ขอย้ายไปไหน แต่ทำไมต้องทำให้คนที่อยู่ดีๆ เสียสละและไม่รู้ว่าใครจะได้ผลประโยชน์ จากการเสียสละของพวกเขาที่ยอมให้มีการสร้างเขื่อนโดยไม่รู้ชะตะกรรมและอนาคตของตนเองว่าจะเป็นอย่างไร ไม่มีใครรับผิดชอบได้ 


 เรื่องของวิถีชีวิตของคนอยู่กับป่า ดูแลป่า และได้ประโยชน์จากป่า ถือว่าเป็นการพึ่งพาซึ่งกันและกัน เราดูแลป่า ป่าก็ดูและเรา เป็นไปตามแบบเศรษฐกิจพึ่งตนเองตามปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง เพื่อให้สิ่งแวดล้อมดีขึ้น โดยที่ช่วยกันดูแลป่าไม้ ซึ่งในยุคปัจจุบันทุกหน่วยงาน ทุกองค์กรทั้งภาครัฐและเอกชนยังพูดถึงปัญหาโลกร้อน การที่นายกเชื่อว่าการแก้ปัญหาโลกร้อนต้องสร้างเขื่อน ที่มีผลกระทบต่อป่าไม้อย่างมหาศาลนั้นเป็นความเชื่อของท่าน แต่พวกเราเชื่อว่าการมีป่าน่าจะแก้ปัญหาโลกได้ดีกว่าการตัดไม้ทำลายป่าเพื่อสร้างเขื่อน


 ในนามชาวบ้านตำบลสะเอียบขอประนามคำพูดของท่านนายกที่พูด “ปากตลาด” พูดโดยไม่มีข้อมูลและใช้อำนาจของนายกผลักดันโครงการเขื่อนแก่งเสือเต้น โดยที่ไม่ยอมรับฟังความคิดเห็นของคนอื่นที่มีความรู้ความสามารถในแก้ไขปัญหาเรื่องน้ำได้หลายวิธี และเป็นทางออกของการแก้ไขปัญหาน้ำทั้งระบบที่ดีกว่าการสร้างเขื่อนขนาดใหญ่ ที่เอื้อประโยชน์ให้กับนักการเมือง และกลุ่มที่เข้ามาหาผลประโยชน์ได้แล้วออกไป


เนื้อหาที่เกี่ยวข้อง