ตะลึง! มือมืดวางยาสักทองอายุครึ่งร้อยทั่วป่าแม่ยม
ผู้จัดการออนไลน์
13 มกราคม 2551
แพร่ – ขบวนการทำไม้สักทองกลางป่าแม่ยม เขตก่อสร้างเขื่อนแก่งเสือเต้นเหิมหนัก ดอดวางยาฆ่าหญ้าสักทองทั่วป่านับหมื่นไร่ กำนันสะเอียบแกนนำเครือข่ายป่าชุมชน จี้ อธิบดีกรมอุทยานฯรับผิดชอบหลังพบไม้สักขนาดใหญ่ยืนตายระนาว ผู้นำชุมชนเชื่อต้นเหตุมาจาก 2 เรื่องหลัก ทั้งธุรกิจไม้-ทำลายป่าสักทองให้หมด หวังสร้างเขื่อนแก่งเสือเต้น เครือข่ายป่าชุมชนภาคเหนือ ย้ำทางการต้องรับผิดชอบเอาคนผิดลงโทษ ชี้จุดเกิดเหตุบางจุดอยู่ห่างจากสำนักงานอุทยานฯแค่ 3 กม.เท่านั้น
จากการสำรวจโดยชาวบ้านที่พบมีการวางยาต้นสักทองบริเวณสองข้างทางที่ลาดตระเวน จำนวน 750 ต้น จึงได้รายงานให้ นายชุม สะเอียบคง กำนันตำบลสะเอียบทราบ หลังจากนั้นคณะกรรมการป่าชุมชนได้นำเจ้าหน้าที่อุทยานแห่งชาติเข้าตรวจสอบพบว่า มีการทำลายเป็นจำนวนมาก จึงได้รายงานให้นายเฉลิมศักดิ์ วานิชสมบัติ อธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติฯ ทราบโดยด่วน
นายเฉลิมศักดิ์ ได้เดินทางด่วนเข้าดูโดยเฮลิคอปเตอร์ทางอากาศ เมื่อ 12 ม.ค.2551 จากนั้นได้เข้าประชุมเจ้าหน้าที่จากกรมอุทยานฯ ที่อยู่ในจังหวัดแพร่ทั่งหมด ภายในสำนักงานอุทยานแห่งชาติแม่ยม โดยได้มอบหมายให้นายประจักรพงศ์ ไทยกลาง ผู้อำนวยการสำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 13 (แพร่) เป็นหัวหน้าชุดในการเดินสำรวจโดยละเอียดต่อไป
นายเฉลิมศักดิ์ วานิชสมบัติ อธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติฯ กล่าวว่า เท่าที่รับรายงานมีการทำลายป่าสักทองใน 2 จุดใหญ่ๆ ห่างจากที่ทำการอุทยานไปทางทิศเหนืออยู่ริมฝั่งแม่น้ำยม ซึ่งเป็นบริเวณที่จะมีโครงการสร้างเขื่อนแก่งเสือเต้น โดยใช้วิธีบากเปลือกไม้ออกบริเวณรากที่โผล่พ้นดินแล้วลาดด้วยยาฆ่าหญ้า ทำให้ต้นสักยืนตายจำนวนไม่มากนัก เมื่อเทียบกับพื้นที่ป่าจริงๆ เชื่อว่าเป็นฝีมือกลุ่มทำไม้ในจังหวัดแพร่ที่เข้ามาลักลอบตัดไม้นั่นเอง ซึ่งไม่ใช่เรื่องใหญ่มากนัก ก็คงให้มีการสำรวจโดยละเอียดและทำการชักลากออกมาต่อไป
นายเฉลิมศักดิ์ ระบุอีกว่า ป่าแถบนี้มีชาวบ้านที่มีความเข้มแข็งทำการดูแลป่าอยู่ ถึงแม้จะเป็นป่าในเขตอนุรักษ์ กรมอุทยานฯ ก็มิได้ปิดกั้น ยังคงให้ชาวบ้านเป็นหูเป็นตาต่อไป เพราะอุทยานเป็นของประชาชนไม่ใช่ของทางราชการ ส่วนกฎหมายป่าชุมชนมาตรา 25 ที่มีข้อห้ามไม่ให้ประชาชนนอกเขตอนุรัก์เข้ามาดูแลเป็นป่าชุมชนนั้นคงไม่มีปัญหา เมื่ออุทยานยังเปิดให้เข้ามาดูแลได้
ล่าสุด วันนี้ (13 ม.ค.) นายประจักรพงศ์ ไทยกลาง ผอ.สำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 13 (แพร่) -นายมงคล แสงรุ่งอรุณ นักวิชาการป่าไม้ 7 ว.หัวหน้าอุทยานแห่งชาติแม่ยม พร้อมด้วยกำลังเจ้าหน้าที่จาก 4 อุทยานและ 2 เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าและหน่วยดับไฟป่า ในจังหวัดแพร่ ได้ร่วมกันออกเดินเท้าสำรวจต้นไม้ที่ถูกวางยาและยืนตายอยู่กลางป่ ซึ่งพบว่ามีกระจายอยู่ทั่วไป โดยเป็นต้นไม้สักทองทุกขนาด ตั้งแต่ขนาดใหญ่ เส้นรอบวงลำต้น 1 เมตร ไปจนถึง 2-3 เมตร ซึ่งเป็นไม้สักอายุมากที่ล้ำค่าของป่าแถบนี้
ทั้งนี้ คาดว่า น่าจะพบไม้สักทองยืนต้นตายโดยทั่วไปทั้งป่านับ 10,000 ไร่ ของอุทยานแห่งชาติแม่ยม อย่างไรก็ตามในเขตที่มีต้นสักหนาแน่นที่เรียกว่าดงสักงามพบว่ามีการทำลายนับ 10,000 ต้นทีเดียว
นอกจากนั้น ยังพบมีการลักลอบตัดไม้สักแล้วถากเปลือกออกโดยทั่วไป บางส่วนถูกขนย้ายนำไปร่องน้ำในแม่น้ำยม ที่โดยข้อเท็จจริงผ่านหน้าที่ทำการอุทยานแห่งชาติแม่ยม และเส้นทางรถยนต์มียามตรวจมากกว่า 2 ด่าน แต่ยังสามารถลำเลียงไม้ออกไปได้
นายประจักรพงศ์ ได้สั่งการให้สำรวจเน้นทางลำเลียงไม้ และต้นไม้สักที่ยืนตาย พร้อมทั้งตอที่ตัดแล้ว บันทึกด้วยเครื่องจีพีเอส ภาพถ่ายดาวเทียม เพื่อนำไปกำหนดจุดในแผนที่ต่อไปเพื่อให้ทราบพื้นที่ที่ถูกทำลาย และดูว่าเส้นทางลำเลี้ยงไม้ออกไปทางใดบ้าง โดยจะสามารถคาดคะเนได้ว่า ผู้ที่เข้ามาลักลอบตัดไม้เป็นพ่อค้าไม้เถื่อนจากแหล่งใด
ผอ.สำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 13 (แพร่ ) กล่าวว่า เนื่องจากราคาไม้สักสูง ทำให้กลุ่มทำลายป่ากล้าที่จะทำ และเชื่อว่าการวางยาต้นสักครั้งนี้ ไม่เกี่ยวกับปัญหาอื่นนอกจากกลุ่มทำไม้ในจังหวัดแพร่เท่านั้นที่จะเข้ามา
ส่วนการป้องกันคงต้องวางแผนใหม่ทั่งหมด โดยนำเอาองค์กรชาวบ้านและ สื่อมวลชนพร้อมทั้งองค์กรพัฒนาเอกชนเข้ามาร่วมมือกันเป็นคณะกรรมการดูแลป่าผืนนี้ ซึ่งพบว่าไม้ที่ถูกวางยา และที่ถูกตัดไปแล้วเป็นไม้สักเนื้อดี วงปีละเอียด สีเหลืองสวยงามมาก เป็นไม้ที่มีคุณภาพมากอีกด้วย ถ้าปล่อยไว้ป่าแถบนี้จะมีคุณค่าต่อประเทศไทยมหาศาลทีเดียว
ด้านนายเส็ง ขวัญยืน ผู้ใหญ่บ้านหมู่ 3 ดอนชัยสักทอง ต.สะเอียบ อ.สอง จ.แพร่ ในฐานะคณะกรรมการป่าชุมชน ต.สะเอียบ กล่าวว่า จากการสำรวจพบว่ามีการวางยากับต้นสักเป็นส่วนใหญ่ และไม่เลือกไม้มีโพลงหรือผุด้านใน ต้นขนาดเล็ก รวมไปถึงต้นสักขนาดใหญ่ถูกวางยายืนตายเกลื่อนป่า บริเวณที่มีการวางยา คือ บริเวณที่นักท่องเที่ยวขึ้นไปชมบริเวณจุดชมวิวของอุทยานที่จะเห็นดอกสักบานในฤดูฝน
จากนี้ไปจะไม่เห็นดอกสักสีทองอีกต่อไป เพราะมีต้นสักจำนวนมากต้องตายไปกับกลุ่มผู้ไม่หวังดีไปแล้ว โดยจุดเกิดเหตุอยู่ห่างจากที่ทำการอุทยานเพียง 3 กิโลเมตรเท่านั้น ไม่ทราบว่าเจ้าหน้าที่จะรู้หรือไม่ หรือไม่มีกำลังพอ แต่ชาวบ้านได้ออกมาเตือนหลายครั้ง
นายบำเพ็ญ บินไทสงค์ นายอำเภอสอง เปิดเผยว่า ทางมหาดไทยได้รับรายงานจากกำนันมาเป็นลำดับได้ออกคำเตือนไปยังนายมงคล แสงรุ่งอรุณ หัวหน้าอุทยานฯหลายครั้ง แต่ไม่ได้รับความร่วมมือ ซึ่งขณะนี้เกิดเหตุใหญ่ขึ้นมาแล้วการแก้ไขคงทำได้ยาก อย่างไรก็ตามป่าไม้ดงสักงามเป็นของประชาชนชาวแพร่ทั้งจังหวัดแพร่ และเป็นสมบัติของชาติ ถ้ามีการทำลายจำนวนมากคงต้องหาผู้กระทำผิดมารับผิดชอบและเร่งฟื้นฟูโดยด่วน