ไทยเล็งถก 4 ชาติกก.ลุ่มแม่น้ำโขง-บีบจีนเปิดเขื่อน
ไทยเตรียมถกคณะกรรมาธิการลุ่มแม่น้ำโขง 5 ชาติ ต้นเดือนมี.ค. หามาตรการบีบจีนเปิดเขื่อนต้นแม่น้ำโขง ด้านกรมทรัพยากรน้ำบาดาลเตรียม 1.5 แสนบ่อรับมือภัยแล้ง คาดครอบคลุม 55 จังหวัด ขณะกรมอุตุฯ ชี้ภาคเหนือเผชิญร้อน คาดอุณหภูมิทะลุเกิน 42 องศาเซลเซียสในบางวัน
สภาพความแห้งแล้งของแม่น้ำโขงที่เกิดขึ้นในช่วงเดือนก.พ. ทำให้หลายฝ่ายพุ่งประเด็นไปที่การกักเก็บน้ำของเขื่อนในประเทศจีน โดยนายศักดิ์สิทธิ์ ตรีเดช ปลัดกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (ทส.) กล่าวว่า จะนำเอากรณีที่ประเทศจีนกักเก็บน้ำในเขื่อนกั้นแม่น้ำโขงเอาไว้ เพื่อผลิต กระแสไฟฟ้า ทำให้แม่น้ำโขงมีสภาพแห้งขอด จนไทยและประเทศเพื่อนบ้านเดือดร้อน เข้าหารือในที่ประชุมคณะกรรมาธิการแม่น้ำโขง (เอ็มอาร์ซี)
นายศักดิ์สิทธิ์ กล่าวว่า สมาชิก 5 ประเทศ ประกอบด้วย พม่า ไทย ลาว กัมพูชา และเวียดนาม จะจัดประชุมในช่วงต้นเดือน มี.ค.นี้ จากนั้นคณะกรรมาธิการจะขอความร่วมมือประเทศจีน ในการบริหารจัดการแม่น้ำโขง เพราะจีนไม่ได้เป็นสมาชิกของเอ็มอาร์ซี
"ปัญหาคือประเทศจีนไม่ได้เป็นสมาชิกของคณะกรรมาธิการจึงไม่ค่อยให้ความร่วมมือในด้านต่างๆ ดังนั้นจะมีมาตรการอย่างไร ก็ต้องรอผลสรุปจากที่ประชุม ส่วนมาตรการช่วยเหลือประชาชนในพื้นที่ที่ได้รับความเดือดร้อนนั้น ทส.จะทำไปตามขอบเขตอำนาจหน้าที่คือ ให้กรมทรัพยากรน้ำ และกรมทรัพยากรน้ำบาดาลเข้าไปเร่งแก้ไขปัญหาให้ประชาชน"
ด้านนายอนันต์ เกตุเอม รองอธิบดีกรมทรัพยากรน้ำบาดาล แถลงถึงการเตรียมรับมือภัยแล้งปี 2553 ของกรมน้ำบาดาลว่า ศูนย์ปฏิบัติการและติดตามสถานการณ์ด้านน้ำบาดาล กรมทรัพยากรน้ำบาดาล ได้คาดการณ์ว่าประเทศไทยจะประสบปัญหาภัยแล้งไม่น้อยกว่า 55 จังหวัด 415 อำเภอ 2,337 ตำบล และกระทรวงมหาดไทย ได้รายงานพื้นที่ประสบภัยแล้งที่ได้ประกาศเป็นพื้นที่ภัยพิบัติฉุกเฉิน (ภัยแล้ง) แล้ว 14 จังหวัด
ขณะนี้กรมน้ำบาดาลได้จัดเตรียมแหล่งน้ำบาดาลทั่วประเทศให้พร้อมใช้งานในฤดูแล้ง ประกอบด้วย บ่อบาดาลกว่า 1.5 แสนแห่ง ระบบประปาบาดาลกว่า 3.9 หมื่นแห่ง บ่อบาดาลที่ติดตั้งเครื่องสูบไฟฟ้า 7.2 หมื่นแห่ง จุดจ่ายน้ำถาวร 100 แห่ง ระบบปรับปรุงคุณภาพน้ำบาดาลมาตรฐานองค์การอนามัยโลก 1,770 แห่ง โครงการน้ำดื่มสะอาดให้กับโรงเรียน 490 แห่ง และโครงการจัดหาน้ำสะอาดให้กับหมู่บ้านภัยแล้ง 360 แห่ง ซึ่งกรมทรัพยากรน้ำบาดาลจะสามารถเข้าไปในพื้นที่ประสบปัญหาภัยแล้งได้ภายใน 24 ชั่วโมง
ส่วนการแก้ไขปัญหาภัยแล้งตามโครงการประจำปี 2553 กรมทรัพยากรน้ำบาดาลได้เร่งรัดดำเนินโครงการน้ำดื่มสะอาดให้กับโรงเรียนทั่วประเทศ 320 แห่ง งบประมาณ 392.6 ล้านบาท และตามแผนงานโครงการไทยเข้มแข็งอีก 396 แห่ง งบประมาณ 494.8 ล้านบาท นอกจากนี้ยังมีโครงการจัดหาน้ำสะอาดให้กับหมู่บ้านภัยแล้ง 673 งบประมาณ 167.5 ล้านบาท ตามแผนงานโครงการไทยเข้มแข็งอีก 167 แห่ง งบประมาณ 79 ล้านบาท
นายสมชาย ใบม่วง รองอธิบดีกรมอุตุนิยมวิทยา กล่าวว่า การคาดหมายลักษณะอากาศในช่วงฤดูร้อนปีนี้ อิทธิพลทางอ้อมจากปรากฏการณ์เอลนีโญระดับปานกลาง จะส่งผลกระทบกับสภาพอากาศแห้งแล้งในช่วงฤดูร้อนของไทยบ้าง แต่สถานการณ์จะไม่วิกฤติรุนแรงเท่ากับปี 2540-2541 อุณหภูมิร้อนสูงสุดเฉลี่ยในฤดูร้อนระหว่างเดือน เม.ย.-พ.ค.นี้จะสูงกว่าค่าปกติเฉลี่ย 0.5-1 องศาเซลเซียส และสูงกว่าปีที่ผ่านมา โดยเฉพาะบางพื้นที่ของจังหวัดในภาคอีสาน
ภาคเหนือ คาดว่าอุณหภูมิจะทะลุเกิน 42 องศาเซลเซียสในบางวันได้ เพราะตามสถิติทุกๆ ปีก็มีอุณหภูมิสูงในระดับนี้อยู่แล้ว อย่างเดือนเม.ย.52 อ.เมือง จ.ลำปาง มีอุณหภูมิสูงสุดถึง 42.3 ส่วนพื้นที่ กทม. 39.4 องศาเซลเซียส
นายเกษมสันต์ จิณณวาโส อธิบดีกรมทรัพยากรน้ำ กล่าวว่า ได้ประเมินสถานการณ์ภัยแล้งปี 2553 ในเบื้องต้นจะมีพื้นที่ที่เสี่ยงภัยแล้ง 21 จังหวัด โดยมีพื้นที่ที่เสี่ยงภัยแล้งมาก 3 จังหวัดคือ แม่ฮ่องสอน อุทัยธานี และสระแก้ว ส่วนพื้นที่ที่เสี่ยงภัยแล้งปานกลาง 18 จังหวัด ได้แก่ ลำพูน พะเยา เชียงราย แพร่ สุโขทัย เลย หนองคาย นครพนม อำนาจเจริญ บุรีรัมย์ ยโสธร นครราชสีมา สุรินทร์ ศรีสะเกษ มหาสารคาม จันทบุรี ปราจีนบุรี และราชบุรี ทั้งนี้สภาวะภัยแล้งจะรุนแรงหรือไม่ ต้องติดตามฝนจนถึงเดือน เม.ย.นี้ หากมีฝนทิ้งช่วงนานจะเกิดภัยแล้งรุนแรงได้