อันตรายของคุณชวน หลีกภัย

fas fa-pencil-alt
นิธิ เอียวศรีวงศ์-มติชนรายวัน
fas fa-calendar
26 พฤษภาคม 2543

ท่านนายกรัฐมนตรีให้สัมภาษณ์ว่าการศึกษาของทางราชการ แสดงว่า เขื่อนปากมูลไม่ได้กีดขวางปลาที่จะว่ายขึ้นมาวางไข่เหนือน้ำ

รายงานสรุปของคณะกรรมการเขื่อนโลก ซึ่งตั้งขึ้นโดยความร่วมมือขององค์กรระหว่างประเทศ เช่น ธนาคารโลก, เอดีบี, องค์การ อาหารและเกษตรสหประชาชาติ และโครงการสิ่งแวดล้อมแห่งสหประชาชาติ ร่วมกับองค์กรทั้งเอกชนและของรัฐจาก 34 ประเทศ กล่าวถึงเรื่องปลาในลำน้ำมูล หลังสร้างเขื่อนปากมูลว่า

1) อ่างเก็บน้ำเหนือเขื่อนซึ่งคาดว่าจะผลิตปลาได้ถึง 220 ก.ก.ต่อแฮกเตอร์ต่อปี ปรากฏในความเป็นจริงว่าผลิตได้เพียง 10 ก.ก.เท่านั้น ในบริเวณท้ายเขื่อนกลับให้ผลผลิตปลามากกว่า

2) แม่น้ำมูลเคยมีพันธุ์ปลาอยู่ 265 ชนิด แต่หลังจากสร้างเขื่อนแล้ว เหลือพันธุ์ปลาอยู่เพียง 96 ชนิด หายสาบสูญชนิดที่ไม่เคยมีใคร จับได้ในแม่น้ำมูลอีก 56 ชนิด

3) โครงการปล่อยกุ้งก้ามกรามเป็นโครงการที่มีความยั่งยืนไม่ได้ เพราะกุ้งก้ามกรามวางไข่ในน้ำเค็ม จึงต้องปล่อยกุ้งตลอดไป แม้กระ นั้นก็ทำให้ได้ผลผลิตกุ้งเพียงปีละ 6-15 ตัน จำนวนนี้รวมถึงกุ้งอื่นๆ ที่เติบโตตามธรรมชาติในแม่น้ำมูลด้วย

ควรกล่าวด้วยว่าระบบลุ่มน้ำมูลมีพื้นที่ 117,000 ตารางกิโลเมตร ถูกปิดตายด้วยเขื่อนปากมูล เพื่อแลกกับกุ้งปีละไม่เกิน 15 ตัน !!!

นี่ว่าเฉพาะความเสียหายที่เกิดขึ้นจากทรัพยากรประมงเรื่องเดียว

แต่คุณชวน หลีกภัย เลือกที่จะเชื่อการศึกษาของทางราชการมากกว่า รายงานการศึกษาของคณะกรรมการเขื่อนโลก

ตรงนี้แหละที่ทำให้คุณชวนในฐานะนายกรัฐมนตรีมีอันตราย

ระบบราชการไทยนั้นเป็นทายาทของระบบราชการที่เคยกุมอำนาจรัฐสืบเนื่องกันมาเป็นเวลาหลายทศวรรษ วิธีการสำคัญที่ทำให้ ระบบราชการคุมอำนาจได้อย่างสืบเนื่องมานาน ก็คือการสถาปนาความจริงเทียมขึ้นครอบงำความรับรู้ของสังคม

ความจริงเทียมนี้อาจสถาปนาขึ้นเพื่อรับใช้ผลประโยชน์ของระบบราชการเอง หรือเพื่อรับใช้นายพลขุนศึกซึ่งเป็นหัวหน้าของระบบ ราชการเพราะทำรัฐประหารยึดบ้านเมืองไปครอบครองได้ก็ตาม

วิธีการอย่างที่สองระบบราชการจะกุมอำนาจรัฐเอาไว้ได้ คือการสร้างวัฒนธรรมให้ผู้คนยอมรับว่า ข้อมูลของราชการคือความจริง วัฒนธรรมชนิดนี้สร้างขึ้นผ่านระบบการศึกษาและสื่อสาธารณะที่ราชการคุมไว้ได้

การประทุษร้ายต่อความจริงนี่แหละ - ทั้งโดยการสถาปนาความเท็จให้กลายเป็นความจริง และโดยการทำให้ผู้คนสยบยอมต่อความ เท็จที่มีตราครุฑประทับรับรอง-คือที่มาของความรุนแรงนานาชนิดของสังคมไทย

เป็นความรุนแรงที่กระทำโดยรัฐเอง, โดยความฉ้อฉลของเจ้าหน้าที่ของรัฐซึ่งซ่อนตัวอยู่เบื้องหลังระบบความเท็จ, และโดยเอกชนซึ่ง สามารถหลบหลีกกระบวนการยุติธรรมอยู่เบื้องหลังระบบความเท็จได้ด้วยความอำนาจเงิน

พูดให้ชัดก็คือ รัฐไทยนั้นสร้างขึ้นอยู่บนโครงสร้างแห่งความรุนแรง มีคนทุกข์ยากเดือดร้อนโดยไม่จำเป็นอยู่มากมาย เกิดวงจรอุบาทว์ ของการทำลายความจริงซ้ำแล้วซ้ำอีกไม่สิ้นสุด ทั้งนี้รวมถึงการปิดหนทางการแก้ปัญหาด้วยวิธีอื่นๆ นอกจากการใช้ความรุนแรง

ประวัติศาสตร์ไทยนับตั้งแต่ 2490 มาจนถึงปัจจุบันเต็มไปด้วยเลือดที่ถูกความจริงตราครุฑปกปิดบิดเบือนมาโดยตลอดไม่ว่าจะเป็นการ สังหารทางการเมือง, การขังลืมศัตรูทางการเมือง, การรักษาและขยายผลประโยชน์ด้วยการยิงทิ้ง, การผลักคนทั้งหมู่บ้านเข้าป่าไปจับ ปืนต่อสู้กับรัฐ, การยัดถังแดงเผาหรือการถีบคนลงจาก ฮ., การสังหารหมู่กลางเมืองหลายครั้งหลายหน, และถึงที่สุดการกระชากชาม ข้าวจากปากคนจนๆ ทั่วประเทศ ฯลฯ

ทั้งหมดเหล่านี้มีฐานมาจากการดูเบาความจริง ด้วยการมอบอาญาสิทธิ์ในการตราความจริงขึ้นตามใจชอบด้วยตราครุฑ

โชคดีที่สังคมไทยค่อยๆ เติบโตขึ้นจนไม่ยอมรับอาญาสิทธิ์เถื่อนนี้เมื่อเกือบ 3 ทศวรรษมาแล้ว นำมาซึ่งการเมืองในระบอบเปิดอย่าง ที่เรารู้จักในทุกวันนี้ได้

ในขณะเดียวกัน การเมืองในระบบเปิดนั้น "เปิด" อยู่ได้ ก็ไม่ใช่เพราะมีการเลือกตั้งเป็นประจำ แต่เปิดอยู่ได้เพราะอำนาจการผูกขาด ความจริงของราชการถูกท้าทายโดยสังคมต่างหาก มีข้อมูลข่าวสารซึ่งถูกผลิตขึ้นโดยประชาชนในระดับต่างๆ ขึ้นมาเปรียบเทียบกับ ข้อมูลของทางราชการ

เช่น อีไอเอของหลายโครงการยักษ์ถูกประชาชนในพื้นที่บ้าง, เอ็นจีโอบ้าง, นักวิชาการอิสระบ้าง แฉให้เห็นความเท็จหรือการบิด เบือนความจริงได้อย่างจะจะ ไม่ว่าจะเป็นโครงการท่อก๊าซที่เมืองกาญจน์, ท่อก๊าซที่จะนะ, มลภาวะในอากาศที่แม่เมาะ, โครงการโรง ไฟฟ้าถ่านหินที่จะประจวบฯ (ปะการังกองเบ้อเริ่ม มึงยังไม่เห็น จะไปเห็นฝุ่นละอองถ่านหินในอากาศได้อย่างไร"- ตามป้ายประท้วง ของชาวบ้าน), กรรมสิทธิ์ที่ดินของทหารที่จังหวัดสุรินทร์ ฯลฯ

อีกด้านหนึ่งของการผลิตข้อมูลได้มาจากการเปิดเสรีให้แก่ข้อมูลข่าวสารจากโลกข้างนอก ทั้งสื่อมวลชนและองค์กรภาครัฐและเอกชน ภายนอก ทำให้ข้อมูลของราชการหมดความศักดิ์สิทธิ์ลงไปโดยสิ้นเชิง

น่าเสียดายที่คุณชวน หลีกภัย ไม่เข้าใจประเด็นนี้ จึงวางใจไว้กับการศึกษาของทางราชการตลอดมา ทั้งๆ ที่สังคมไทยได้ตั้งข้อสงสัย กับข้อมูลราชการมานานและกว้างขวางมากขึ้นอยู่ตลอดเวลา แต่คุณชวนก็เรียกข้อสงสัยแคลงใจนี้เสียว่า "กระแส" ซึ่งมีนัยะว่า ไม่ได้ ตั้งอยู่บนฐานของข้อมูลจริงในขณะที่ข้อมูลและข้อเสนอของราชการกลับเป็นจริงอย่างไม่มีข้อสงสัย

ถ้ายอมรับความจริงที่ราชการสถาปนาขึ้นตามใจชอบอย่างนี้เสียแล้ว คุณชวนจะใช้ระบบราชการเป็นเครื่องมือในการสร้างความ ไพบูลย์และความเป็นธรรมขึ้นในสังคมได้อย่างไร เพราะการปั้นแต่งความเท็จให้เป็นความจริงมีนัยะแฝงการปฏิบัติการไว้ด้วย คุณชวนจะมีทางเลือกเป็นอื่นไปไม่ได้ ถ้าไม่เริ่มต้นตรวจสอบข้อมูลที่ราชการป้อนให้อย่างจริงจัง

และดังที่กล่าวแล้วว่า ระบบราชการซึ่งมีฐานอยู่บนความเท็จนี้เป็นส่วนหนึ่งที่สำคัญของโครงสร้างแห่งความรุนแรง ฉะนั้น แม้ตัวคุณ ชวนเองอาจเป็นคนใฝ่สันติและเปี่ยมเมตตาธรรม แต่การสยบยอมต่อโครงสร้างแห่งความรุนแรง โดยไม่ลุกขึ้นมาตรวจสอบถ่วงดุล เลยแล้ว

คุณชวนกลับต้องเป็นผู้สนับสนุนความรุนแรงโดยไม่รู้ตัว

เช่นตราบเท่าที่คุณชวนไม่สั่งการให้สอบสวนและเปิดเผยปฏิบัติการปราบโจรกะเหรี่ยงที่โรงพยาบาลราชบุรี อย่างจริงจัง คุณชวนก็ กำลังสนับสนุนให้เจ้าหน้าที่ติดอาวุธของระบบราชการฆ่าทิ้งผู้ขัดขืนอำนาจตัวได้ตามใจชอบ เช่นเดียวกับที่เคยเกิดขึ้นกับพฤษภา ทมิฬใน พ.ศ.2535 ซึ่งความจริงก็ถูกระบบราชการกลบเกลื่อนมาจนถึงทุกวันนี้

คุณชวนและรัฐบาลของคุณชวน พูดถึงการปฏิรูประบบราชการอยู่บ่อยๆ ตลอดจนตั้งคณะกรรมการขึ้นมาทำงานด้านนี้โดยเฉพาะ แต่ระบบราชการไทยจะไม่มีวันได้รับการปฏิรูปได้จริง (นอกจากลดภาระรายจ่ายประจำในงบประมาณลง) ตราบเท่าที่ผู้บริหารระดับ สูง ไม่ยอมปลดปล่อยตนเองให้เป็นอิสระจากการศึกษาของทางราชการ หรือการปั้นแต่งความเท็จของราชการขึ้นเป็นความจริง

คุณชวนในฐานะนายกรัฐมนตรีจึงมีอันตราย ไม่ใช่อันตรายที่ตัวคุณชวนซึ่งเป็นคนดีที่น่านับถือคนหนึ่ง แต่อันตรายเพราะคุณชวน ไม่เข้าใจโครงสร้างแห่งความรุนแรง อันมีสาเหตุสำคัญส่วนหนึ่งมาจากระบบราชการไทย

คุณชวนกลับเอาความชอบธรรมที่มาจากการเลือกตั้ง และความดีของคุณชวนเอง ไปสนับสนุนโครงสร้างแห่งความรุนแรงนี้ ด้วยการ ปิดหูตัวเองไม่ยอมฟังข้อมูลจากแหล่งอื่น นอกจากราชการ

น่าประหลาดด้วยว่า คุณชวนเป็นนายกรัฐมนตรี ในช่วงเวลาที่สังคมไทยสิ้นศรัทธา และเลิกเชื่อถือข้อมูลราชการไปตั้งนานแล้ว

ทั้งหมดนี้ยังไม่พูดถึงโครงสร้างแห่งความรุนแรงอีกด้านหนึ่งซึ่งเกิดขึ้นจากระบบทุน และคุณชวนก็มีแนวโน้มที่จะสนับสนุนโครง สร้างส่วนนี้อย่างเต็มที่เช่นเดียวกัน

ไม่ว่าจะมองซ้ายหรือมองขวา คนรักสงบอย่างคุณชวนจึงกลายเป็นคนหฤโหดไปโดยไม่รู้ตัวได้ด้วยประการฉะนี้

 


เนื้อหาที่เกี่ยวข้อง