อุทยานฯชี้ราคาสูงฟุตละ4พัน จูงใจนักค้าลักลอบตัด"สักทอง"

fas fa-pencil-alt

กรุงเทพธุรกิจ

fas fa-calendar

15 มกราคม 2551


อธิบดีกรมอุทยานฯ ชี้ราคาไม้สักพุ่งสูงลูกบาศก์เมตรละ 80,000-100,000 บาท ฟุตละ 4,000 บาท เหตุจูงใจขบวนการมอดไม้ นายทุนท้องถิ่นร่วมข้าราชการป่าไม้ ลักลอบตัดไม้สักทองผืนสุดท้ายป่าแม่ยม สั่งย้ายด่วนหัวหน้าอุทยานแม่ยมออกนอกพื้นที่แล้ว พร้อมตรึงเจ้าหน้าที่เฝ้าไม้สักยืนต้นตาย 296 ต้น หวั่นถูกลักลอบตัดซ้ำ ขณะที่ชาวบ้านสะเอียบเข้าร่วมกรรมการตรวจสอบไม้ยืนต้นตาย 


 หลังกลุ่มราษฎรรักษ์ป่า บ้านดอนชัย ดอนชัยสักทอง ดอนแก้ว แม่เต้น ต.สะเอียบ อ.สอง จ.แพร่ พร้อมด้วยนายอำเภอสอง ร่วมกับคณะกรรมการหมู่บ้าน บุกสำรวจป่าสักทอง ที่เสียหายจากการถูกตัดและราดยาฆ่าหญ้าจนต้นสักยืนต้นตายกลางป่าอุทยานแห่งชาติแม่ยม จ.แพร่ นับ 1,000 ต้น 


 นายเฉลิมศักดิ์ วานิชสมบัติ อธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติสัตว์ป่าและพันธุ์พืช กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (ทส.) เปิดเผยว่า ขณะนี้ได้มีคำสั่งโยกย้ายนายมงคล แสงรุ่งอรุณ หัวหน้าอุทยานแห่งชาติแม่ยม ออกจากพื้นที่แล้ว เพราะถือว่าย่อหย่อนในการปฏิบัติหน้าที่ และอาจจะไม่คุ้นกับงานลักษณะนี้ โดยจะให้ไปอยู่ที่สำนักงานบริหารจัดการพื้นที่อนุรักษ์ที่ 13 จ.แพร่ก่อน พร้อมกับตั้งคณะทำงานสอบสวนข้อเท็จจริงการลักลอบตัดไม้ในป่าแม่ยม 


 นอกจากนี้จากการลงพื้นที่เมื่อวันที่ 12 ม.ค.ที่ผ่านมา หลังปรากฏข่าวทางหนังสือพิมพ์ พบว่า มีต้นสักยืนต้นตายจริง ไม่ใช่ลักษณะการผลัดใบช่วงหน้าแล้ง ซึ่งเจ้าหน้าที่ได้เข้าไปตรวจสอบเบื้องต้น โดยมีการทำเครื่องหมายพร้อมทั้งวัดขนาดและรายละเอียดทางกายภาพอื่นๆ เบื้องต้นพบว่ามีต้นสักที่ถูกฟัน และราดยาฆ่าหญ้า จนมีใบแห้งตายดำ คาต้นมีทั้งสิ้น 296 ต้น ไม่ถึง 1,000 ต้น ตามที่ชาวบ้านระบุ รวมทั้งพบว่า มีตอไม้สัก จำนวน 19 ต้น ที่ถูกตัดออกไปแล้ว นอกจากนี้ยังมีไม้ท่อน จำนวน 33 ท่อน ซึ่งได้เคลื่อนย้ายมาเก็บไว้ที่อุทยานแม่ยมแล้ว 


 อธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติฯ กล่าวอีกว่า ได้มอบหมายให้เจ้าหน้าที่ออกลาดตระเวนพื้นที่อย่างเข้มงวด พร้อมกับสำรวจต้นไม้สักที่เสียหายอย่างละเอียดอีกครั้ง ขณะเดียวกันยังได้ประสานกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจ ทหาร ตั้งหน่วยสกัดในจุดที่ล่อแหลมต่อการเคลื่อนย้ายไม้สักออกจากพื้นที่ด้วย 


 เนื่องจากเป็นห่วงว่าไม้สักบางส่วนที่ถูกลักลอบขนออกจากป่าแม่ยมไปแล้ว อาจจะถูกเคลื่อนย้ายออกนอกพื้นที่ ส่วนไม้สักที่ยืนต้นตายทั้ง 296 ต้นนั้น ขณะนี้ได้สั่งให้ตรึงกำลังเจ้าหน้าที่คอยตรวจอย่างเข้มข้น เพื่อรักษาต้นไม้ไม่ให้ถูกโค่นลง และขนย้ายออกจากป่าแม่ยมได้อย่างเด็ดขาด เพราะไม้อาจจะฟื้นตัวเองได้หากผ่านช่วงแล้งไปและเข้าหน้าฝนในฤดูหน้า 


 “จากการตรวจสันนิษฐานว่า กระบวนการลักลอบตัดไม้สักในป่าแม่ยม น่าจะเป็นการกระทำระดับชาวบ้าน แต่อาจจะมีคนหนุนหลัง เพราะเครื่องมือที่ใช้ในการดำเนินการไม่ทันสมัยมากเหมือนกับเครื่องมือที่นายทุนใช้ แต่ก็ถือว่าเป็นการทำลายป่าที่รุกเข้ามาในเขตอุทยานฯ ซึ่งกรมอุทยานฯ ต้องเร่งสอบสวนและหาผู้อยู่เบื้องหลังกระบวนนี้” นายเฉลิมศักดิ์ กล่าว 


 ด้านนายมนูญศักดิ์ ตันติวัฒน์ ผู้อำนวยการองค์การอุตสาหกรรมป่าไม้ (ออป.) กล่าวถึงการลักลอบตัดไม้ในป่าแม่ยม ว่า เป็นกระบวนการที่ทำกันมานานแล้ว เนื่องจากราคาไม้สักมีแนวโน้มสูงขึ้นทุกๆ เดือน ทั้งไม้สักที่นำเข้าจากพม่าและไม้สักของไทย โดยไม้สักของไทยคุณภาพไม่ดีนัก ราคาลูกบาศก์เมตรละหลายหมื่นบาทแล้ว หากเป็นไม้สักจากพม่าเกรด 3 ดาว ราคาเป็นแสนบาทต่อลูกบาศก์เมตร หากเป็นไม้สัก 5 ดาวราคาจะอยู่ที่หลายแสนบาทต่อลูกบาศก์เมตร 


 "ตอนนี้ราคาไม้สูงมากมีการปรับราคาขึ้นทุกเดือน อาจเป็นสิ่งจูงใจให้มีการลักลอบตัดไม้ ที่ป่าแม่ยมทำกันมานานแล้ว ทำกันเป็นกระบวนการ แต่เป็นสิ่งที่น่าเสียดายที่พื้นที่ป่าตรงนี้เป็นไม้สักทอง หากเจ้าหน้าที่ไม่ควบคุมให้เข้มงวดโอกาสที่จะถูกลักลอบตัดออกก็จะมีมาก" 


นายมนูญศักดิ์ กล่าวและว่า ยิ่งเป็นช่วงสุญญากาศทั้งทางการเมืองอะไรก็เกิดขึ้นได้ นายมนูญศักดิ์ กล่าวด้วยว่า ในส่วนของออป.ยกเลิกการทำไม้ของกลางมาตั้งแต่ปี 2548 ไม่อยากเข้าไปยุ่งเกี่ยว ที่ผ่านมามักถูกข้อครหาว่าเข้าไปเกี่ยวข้องกับกระบวนการตัดไม้ทำลายไม้ ดังนั้นสิ่งที่เกิดขึ้นออป.ไม่เกี่ยว ออป.ทำไม้สักจริงแต่เป็นไม้สักที่ปลูกของออป.เอง 


 ผู้สื่อข่าวรายงานจากกรมอุทยานแห่งชาติฯ ว่า สาเหตุหลักที่สร้างแรงจูงใจให้กับมอดไม้ เพราะราคาไม้สักที่พุ่งสูงจากปี 2540 มากถึง 4 เท่า จากเดิมที่ไม้แปรรูป ราคาฟุตละเพียง 700-1,000 บาท เพิ่มขึ้นเป็นฟุตละ 4,000 บาท ในปัจจุบัน ส่วนไม้ท่อนขายกันที่ลูกบาศก์เมตรละ 80,000- 100,000 บาท โดยเฉพาะไม้สักที่อุทยานแห่งชาติแม่ยมที่มีอายุมากกว่า 50-100 ปี ทำให้เป็นที่ต้องการของนักค้าไม้ โดยจะพบว่าในบริเวณพื้นที่จังหวัดแพร่ มีโรงงานแปรรูปไม้เถื่อนจำนวนมาก 


 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา งานด้านการป้องกันป่าไม้ และการลักลอบต้นไม้ในพื้นที่ป่าอุทยานฯ อ่อนแอลง เนื่องจากหลังการแยกกรมป่าไม้และกรมอุทยานแห่งชาติฯ ทำให้เกิดสุญญากาศทางการเมือง เจ้าหน้าที่จึงอ่อนแอในเรื่องงานป้องกันลงมาก ซึ่งเหตุการณ์ที่อุทยานแห่งชาติแม่ยม เชื่อว่าน่าจะเป็นขบวนการที่ร่วมระหว่างเจ้าหน้าที่ป่าไม้ และนายทุนค้าไม้ท้องถิ่น 


 ด้านนายประสิทธิพร กาฬอ่อนศรี คณะกรรมการกลุ่มราษฎรรักษ์ป่าบ้านดอนชัย กล่าวว่า ชาวบ้านพอใจที่ นายเฉลิมศักดิ์ มีคำสั่งย้ายหัวหน้าอุทยานฯ ออกจากพื้นที่ทันที ซึ่งเป็นหนึ่งในข้อเรียกร้องของชาวบ้าน เนื่องจากยังปักใจเชื่อว่าการลักลอบเข้าไปตัดไม้สัก และใส่ยาจนตายจำนวนมาก ทั้งที่อยู่ใกล้กับที่ทำการอุทยานฯ เพียง 2-3 กิโลเมตรนั้น เป็นความย่อหย่อน หรือเจ้าหน้าที่เองอาจได้รับผลประโยชน์ หรือมีส่วนร่วมกับกระบวนการตัดไม้ทำลายป่าในพื้นที่อุทยานแม่ยมอย่างแน่นอน ซึ่งเรื่องนี้ กรมอุทยานฯ ต้องตรวจสอบข้อเท็จจริงให้ปรากฏ 


 “ขณะเดียวกันขอเรียกร้องให้มีการตั้งคณะทำงานร่วมระหว่างชาวบ้าน เจ้าหน้าที่ป่าไม้ และฝ่ายปกครองทั้งระดับท้องถิ่นและระดับจังหวัด รวมทั้งสื่อมวลชนท้องถิ่น สำรวจความเสียหายของไม้สักที่ยืนต้นตายเพื่อให้ได้ข้อมูลที่ตรงกัน นอกจากนี้จะขอให้กรมอุทยานฯ อย่าตัดไม้สักที่ยืนต้นตายออกจากป่าแม่ยม เพราะมีข่าวว่ามีข้อเสนอว่าควรต้องตัดโค่นไม้สักที่ตายลงไป ทั้งนี้ชาวบ้านอยากให้เก็บไว้เป็นอนุสาวรีย์ ประจานความย่อหย่อนของราชการในการดูแลปกป้องทรัพยากรป่าไม้” นายประสิทธิพร กล่าว 


 เล็งออกหมายจับมอดไม้สักภายใน3วัน 


 บ่ายวานนี้ นายสมชัย หทยะตันติ รองผู้ว่าฯ แพร่ พล.ต.ต.ชำนาญ รวดเร็ว ผบก.ภ.จว.แพร่ นายประจักรพงษ์ ไทยกลาง ผอ.สำนักอนุรักษ์ที่ 13 (แพร่) นายอนุวัธ วงศ์วรรณ นายกอบจ.แพร่ และคณะ ได้เข้าสำรวจต้นสักทอง หลังจากที่ได้มีการตรวจสอบแล้วพบว่า มีต้นสักทองอายุ 80 ปี ถูกวางยาฆ่าหญ้า และถูกลักลอบตัดแล้วชักลากออกจากจากอุทยานแห่งชาติแม่ยม 


 ทั้งนี้ การสำรวจเพื่อเก็บร่องรอยหลักฐานของผู้กระทำผิด เพื่อรวบรวมเป็นหลักฐาน ให้เจ้าหน้าที่ตำรวจดำเนินการจับกุมผู้กระทำความผิด โดยนายสมชัย กล่าวว่า ขณะนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจได้เก็บหลักฐานไปกว่า 60% แล้ว คาดว่าภายในอีก 3 วันนี้ คงจะมีการขอศาลเพื่อออกหมายจับผู้กระทำผิด มาดำเนินคดีตามกฎหมาย

เนื้อหาที่เกี่ยวข้อง