จดหมายถึงธนาคารโลกประจำประเทศไทย
(แปล)
๑๕ ตุลาคม ๒๕๔๔
มร.เอียน
พอร์ตเตอร์
ผู้อำนวยการสำนักงานธนาคารโลกประจำประเทศไทย
อาคารดีทแฮล์ม
ชั้น
๑๔ อาคารเอ
๙๓/๑
ถนนสายลม
กรุงเทพฯ
ประเทศไทย
เรียน
คุณพอร์ตเตอร์
พวกเราชาวบ้านผู้ได้รับผลกระทบจากเขื่อนปากมูลและสมัชชาคนจนเขียนจดหมายนี้ถึงท่านจากหมู่บ้านแม่มูนมั่นยืน
๑ ริมสันเขื่อนปากมูล พวกเรานับพันคนได้อยู่ที่นี่นับแต่วันที่
๒๓ มีนาคม ๒๕๔๒
เพื่อเรียกร้องให้เปิดประตูเขื่อนปากมูลและฟื้นฟูแม่น้ำมูน รวมทั้งขอให้ธนาคารโลกรับผิดชอบความเสียหายของสิ่งแวดล้อมซึ่งเป็นเหตุให้ต้องสูญเสียและเกิดความเสียหายต่อปลาในแม่น้ำมูน
ในปี
๒๕๓๓
ธนาคารโลกและการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทยได้ทำลายวิถีชีวิตของพวกเราด้วยการสร้างเขื่อนปากมูล ในขณะนั้นพสกเราได้ส่งจดหมายถึงธนาคารโลกต้องการให้ธนาคารโลกหยุดการสนับสนุนเงินกู้แก่การสร้างเขื่อนปากมูล
แต่ธนาคารโลกเมินเฉยต่อข้อเรียกร้องของพวกเราและไม่ได้รับฟังเสียงของพวกเรา สำหรับพวกเราแล้ว
การตัดสินใจสร้างเขื่อนปากมูลเกิดขึ้นโดยปราศจากการมีส่วนร่วมของประชาชนในท้องถิ่น
ระหว่างที่พวกเราประท้วงต่อต้านเขื่อน พวกเราได้รับการสัญญาว่าพวกเราจะมีชีวิตที่ดีกว่าเดิม แต่คำสัญญาดังกล่าวไม่เคยเป็นจริง ในทางกลับกัน
การประมงของพวกเรากลับเสียหายยับเยินและชุมชนของพวกเราได้ถูกทำลาย
ตลอด ๑๑
ปีที่ผ่านมาพวกเราได้เรียนรู้ว่าโครงการลดผลกระทบที่การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย
ไม่ได้เป็นการแก้ไขปัญหาให้กับพวกเรา พวกเราเชื่ออย่างจริงจังว่าวิธีเดียวที่จะทำให้ชุมชนและวิถีชีวิตของพวกเรามีความยั่งยืนคือการเปิดประตูเขื่อนและฟื้นฟูแม่น้ำ
คณะกรรมการเขื่อนโลก
(WCD)
ได้ศึกษากรณีเขื่อนปากมูลและรายงานฉบับสมบูรณ์พบว่าการจับปลาในอ่างเก็บน้ำและลำน้ำมูนเหนือเขื่อนได้ลดลง
๖๐๘๐%
ทำให้เกิดการสูญเสียทางเศรษฐกิจประมาณ
๑.๔ ล้านเหรียญต่อปี รายงานพบว่าพันธุ์ปลา ๕๖
ชนิดได้หายไปจากลำน้ำหลังจากมีเขื่อนและพันธุ์ปลาอย่างน้อยที่สุด
๕๑
ชนิดถูกจับได้น้อยลงอย่างมีนัยยะสำคัญหลังจากเขื่อนสร้างเสร็จ รายงานของคณะกรรมการระบุว่าพันธุ์ปลาที่อพยพและต้องพึ่งพาแก่งต้องได้รับ
ผลกระทบเป็นการเฉพาะจากการที่เส้นทางอพยพถูกกีดขวางในช่วงเริ่มฤดูฝน และรายงานยืนยันว่าบันไดปลาโจน
ติดตั้งอย่างไม่เหมาะสมและไม่สามารถช่วยให้ปลาอพยพขึ้นไปต้นน้ำได้
คณะกรรมการเขื่อนโลกพบว่าเขื่อนปากมูลได้ทำให้เกิดผลกระทบอย่างมีนัยยะสำคัญต่อวิถีชีวิตของชุมชน โดยพบว่า ก่อนการสร้างเขื่อน
ชุมชนประมงที่ตั้งเหนือเขื่อนและท้ายเขื่อนได้รายงานว่าการจับปลาลดลง
๕๐๑๐๐%
และพันธุ์ปลาหลากหลายชนิดไม่ปรากฏให้เห็นอีกเลย
.ชาวบ้านที่ต้องอาศัยการประมงเป็น
แหล่งรายได้ซึ่งเป็นวิถีชีวิตของชาวบ้านไม่สามารถทำได้อีกต่อไปหลังจากที่เขื่อนเสร็จ แม้ว่ามีการพยายามจัดให้มีโครงการฝึกอาชีพก็ตาม เมื่อความมั่นคงทางอหารและรายได้ถูกทำลาย ชาวบ้านต้องต่อสู้ดิ้นรนซึ่งรวมถึงการอพยพไปหางานทำ
(รายงานคณะกรรมการเขื่อนโลก
หน้า ๖๐)
ทางด้านเศรษฐศาสตร์ คณะกรรมการเขื่อนโลกพบว่าโครงการเขื่อนปากมูลไม่ได้ดำเนินการที่ดีพอ
และแทบผลิตพลังงานไม่ได้ เขื่อนแห่งนี้มีการติดตั้งเครื่องผลิตไฟฟ้า
๑๓๖ เมกกะวัตต์
แต่ในความเป็นจริงสามารถผลิตได้ในช่วงเดือนที่มีความต้องการสูงเพียง
๔๐ เมกกะวัตต์ เหตุผลง่ายๆ
ก็คือน้ำที่จะหมุนกังหันในฤดูแล้งนั้นไม่เพียงพอ
ตามรายงานของคณะกรรมการเขื่อนโลก พลังงานที่สามารถพึ่งพาได้จริงของเขื่อนปากมูลซึ่งคำนวณจากพลังงานที่ผลิตได้ในแต่ละวันในช่วงระหว่างปี
๒๕๓๘๒๕๔๑
ได้ชี้ว่าพลังงานที่ได้นั้นเป็นเพียง
๒๐.๘
เมกกะวัตต์เท่านั้นหากเทียบกับช่วงที่มีความต้องการสูงสุด
๔ ชั่วโมง นอกจากนั้นในฤดูฝน
การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย
ต้องหยุดเดินเครื่องผลิตไฟฟ้าเนื่องจากระดับน้ำเหนือเขื่อนและทายเขื่อนไม่ต่างกันทำให้ไม่มีแรงดันน้ำพอที่จะปั่นเครื่องกันหัน
ยิ่งไปกว่านั้น
คณะกรรมการเขื่อนโลกยังพบว่าประโยชน์ที่แท้จริงของระบบชลประทานเท่ากับศูนย์ คณะกรรมการเขื่อนโลกสรุปว่า
เขื่อนแห่งนี้จะไม่สามารถสร้างขึ้นมาได้หากว่ามีการนำเอาผลผลประโยชน์ที่แท้จริงเข้าไปวิเคราะห์ทางเศรษฐศาสตร์
ในปี
๒๕๓๔
หลังจากพวกเราได้ชุมนุมอย่างยาวนานทั้งที่เขื่อนปากมูลและทำเนียบรัฐบาล
รัฐบาลไทยจึงได้ตกลงให้เปิดประตูเขื่อนปากมูลเป็นเวลา
๔ เดือน
เพื่อให้ปลาเดินทางขึ้นมาเหนือเขื่อน หลังจากเปิดประตูเขื่อน
๒ เดือน พวกเราได้ทำรายงานด้วยตัวเองและพบว่าปลา
๑๑๕
ชนิดได้กลับคืนสู่แม่น้ำมูน จากความรู้ของพวกเรา
พบว่ามีปลา ๙๙
ชนิดเป็นปลาอพยพซึ่งรวมถึงปลาตูหนาหูขาวซึ่งอพยพมาจากทะเลจีนใต้
พวกเรายังพบพันธุ์พืชพื้นบ้าน
๒๓ ชนิดและสมุนไพร ๒๓
ชนิดที่กลับมาเติบโตสองฝั่งแม่น้ำมูนหลังจากที่น้ำลดลง
พวกเราได้เรียนรู้ว่า
การเปิดประตูเขื่อนในปีนี้ไม่เพียงแต่เป็นการฟื้นฟูระบบนิเวศน์แม่น้ำมูนเท่านั้น แต่ยังนำวิถีชีวิตของพวกเราให้กลับคืนมา พวกเราสามารถได้มีรายได้จากการทำการประมงอีกครั้ง
อีกทั้งยังเพิ่มความมั่นคงทางอาหารของพวกเรา
ข้อมูลดังกล่าวข้างต้นได้ยืนยันว่าเขื่อนที่องค์กรของท่านได้สนับสนุนได้ทำลายแม่น้ำและชุมชนของพวกเรา
และการเปิดประตูเขื่อนเป็นวิธีเดียวที่จะแก้ปัญหาของพวกเรา
ดังนั้น
พวกเราจึงเรียกร้องให้ธนาคารโลกรับผิดชอบต่อความเสียหายต่อชีวิตของพวกเรา
ระบบนิเวศน์ และการประมงในแม่น้ำมูนการทำลายซึ่งท่านเป็นผู้สร้างขึ้นมา
คณะกรรมการเขื่อนโลกได้เสนอในรายงานที่ชื่อว่าเขื่อนกับการพัฒนาให้ธนาคารโลก
ทบทวนการลงทุนในโครงการที่ผ่านมาเพื่อแยกแยะให้เห็นถึงโครงการที่อาจไม่บรรลุผลหรือโครงการที่ยังมีปัญหา
ที่ยังไม่ได้แก้ไขที่ดำรงอยู่ในปัจจุบันและร่วมกับประเทศที่กู้ยืมเพื่อรับภาระในโครงการนั้น สิ่งนี้อาจรวมถึงการให้การสนับสนุนใหม่เพื่อช่วยประเทศที่กู้ยืมในการแสดงให้เห็นถึงปัญหาที่ยังไม่ได้แก้ไขทั้งด้านเศรษฐกิจ
สังคม และปัญหาสิ่งแวดล้อม
เขื่อนปากมูลเป็นโครงการที่เข้าข่ายดังกล่าว ดังนั้น พวกเราจึงขอเรียกร้องให้ธนาคารโลกทำงานกับรัฐบาลไทยเพื่อยกเลิกการใช้เขื่อนปากมูลโดยการเปิดประตูเขื่อนถาวรและฟื้นฟูแม่น้ำมูน พวกเราเชื่อว่าการเปิดประตูเขื่อนปากมูลอย่างถาวรไม่เพียงแต่เกิดประโยชน์ต่อชุมชนของพวกเราเท่านั้น แต่ยังเอื้อประโยชน์ต่อคนรุ่นต่อไปของพวกเรารวมถึงชาวบ้านนับล้านในเขตลุ่มน้ำชี
น้ำมูน
และน้ำโขงที่ต้องพึ่งพาปลาจากแม่น้ำมูน
พวกเรายังต้องการให้ธนาคารโลกทำงานร่วมกับพวกเราเพื่อทำโครงการในการฟื้นฟูวิถีชีวิตและชุมชนของพวกเรา
สิ่งเหล่านี้เป็นหนทางและวิธีการที่จะแก้ปัญหาของพวกเราและพวกเราหวังเป็นอย่างยิ่งว่า
ท่านจะตระหนักอย่างจริงจังถึงข้อเรียกร้องของพวกเรา
ขอแสดงความนับถือ
ชาวบ้านผู้ได้รับผลกระทบจากการสร้างเขื่อนปากมูล
หมู่บ้านแม่มูนมั่นยืน
๑ ริมสันเขื่อนปากมูล
อำเภอโขงเจียม จังหวัดอุบลราชธานี
ตู้
ปณ.๒๐
ปทจ.โขงเจียม
จ.อุบลราชธานี
|