ทำไม
..กบฏหนึ่งขวบ
ที่ม๊อบปากมูล
ภาพสองแม่ลูกที่ถูกคุมขังในรถขนนักโทษที่ตำรวจไทย
(โดยคำสั่งของรัฐบาลไทย)
ใช้กำลังไปล้อมปราบและจับกุมมาเมื่อวันที่
17 กรกฎาคม 2543 ที่ผ่านมา
ปรากฏเป็นภาพข่าวไปทั่วโลก
ระหว่างที่สองแม่ลูกคู่นี้
ซึ่งเป็นหนึ่งในสองร้อยกว่าคนที่ปีนเข้าไปทำเนียบเพื่อขอพบนายกรัฐมนตรี
ให้ช่วย แก้ปัญหาให้พวกเขา
สมัชชาคนจนทีได้รับความเดือดร้อนจากโครงการของรัฐ
ภาพในกรงขังอาจจะสร้างความสะเทือนใจ
ความสมเพชเวทนาให้กับคนในสังคมได้ชั่วระยะเวลาไม่นานนัก
และสังคมก็จะลืมที่จะใส่ใจ
หรือแม้
แต่ลืมแม้แต่จะสนใจว่า สอง
แม่ลูกนี้เป็นใคร มาจากไหน
มาทำอะไรที่นี่ และมาทำไม
นางเรืองยศ
คงโคกแฝก อายุ 40 ปี และด.ญ.เกศริน
คงโคกแฝก อายุ 1 ขวบกับอีก 6
เดือน
คือบุคคลสองรายที่ปรากฏอยู่ในภาพข่าว
สองแม่ลูกนี้คือ
ครอบครัวหนึ่งที่ได้รับความเดือดร้อนอย่างแสนสาหัสจากเขื่อนลำคันฉูมาเป็นเวลากว่า
5 ปี ก่อนที่ ด.ญ.เกศริน
หรือน้องลูกเกดจะเกิดเสียอีก
ความ
เดือดร้อนที่เกิดขั้นมากมายถึงขั้นที่ว่า
ครอบครัวนี้ต้องย้ายจากบ้านหลังใหญ่ที่อยู่กันได้4-5
คน ไปอยู่กระต๊อบหลังเล็ก
ลูกชายลูกสาวคนโตต้องเข้ามา
หางานทำต่างถิ่น
ลูกชายก่อนน้องลูกเกดต้องลาอกจากโรงเรียนกลางคัน
ขายรถและขายทุกอย่าง
เพราะว่าพวกเขาขาดปัจจัยในการดำรงชีวิตที่เคยหาอยู่หากินได้ตาม
ธรรมชาติ น้ำท่วมที่นา
กลายเป็นครอบครัวไร้อาชีพ
ทางรอดหนเดียวที่แม่เรืองยศบอกคือ
เราไม่มีอะไรจะได้อีกแล้ว
ดังนั้นการเลือกที่จะอยู่โดย
เรียกร้องทั้งที่รู้ว่าความหวังยังคงริบหรี่
ย่อมดีกว่าไม่ทำอะไรเลย
เพราะไม่ใช่ว่าเราไม่มีอะไรจะเสียแล้ว
แต่เราไม่มีอะไรที่จะได้แล้วต่างหาก
ทำ
ทุกวันนี้เพื่อลูกเท่านั้น
ให้เค้าได้มีอะไรบ้างเท่านั้น
ส่วนการตัดสินใจพาลูกเข้าไปนั้น
เพราะการมาที่ชุมนุมครั้งนี้มากันทั้งครอบครัว
หากตัวเองโดนจับไป
หรือสามีถูกจับด้วย
ใครจะดูแลลูก.
แม้ว่าการต่อสู้ของแม่เรืองยศและครอบครัวจะดำเนินมาหลายปี
ข้อเรียกร้องยังไม่เป็นผล
คำปรารภจากปากของผู้ที่ได้รับความเดือดร้อน
คือ สิ่งที่เกิด
ขึ้นกับชีวิต ครอบครัว
และชุมชน
ของพวกเราในขณะนี้นั้น
มันส่งผลที่รุนแรงแสนสาหัสมาตั้งแต่โครงการต่างๆ
ของรัฐที่ไม่มีการศึกษาผลกระทบ
อย่างรอบด้านและปิดกั้นการมีส่วนร่วม
ของชุมชนเริ่มดำเนินการ
การดำเนินการโครงการของรัฐ
คือการยึดที่ไร่ที่นา
ทำลายทรัพย์สินและสิ่งปลูกสร้างของเรา
ทำลายทรัพยากรธรรมชาติที่เป็นพื้นฐานในการเลี้ยงชีพ
ของพวกเรา
เป็นสาเหตุให้ครอบครัวต้องแตกแยก
นำความอดอยาก
ยากจนและสร้างหนี้สินให้กับพวกเรา
แต่เมื่อพวกเราลุกขึ้นทวงถามกับถูกกล่าวอ้างว่าผิดกฎหมาย
ทั้งที่ผลของการพัฒนาที่เราได้รับรุนแรงกว่าบทลงโทษของกฎหมายใดๆที่เจ้าหน้าที่ของ
รัฐอ้างมาเพราะมันคือประหารชีวิตของพวกเราไปแล้ว
ทั้งเป็น
ปัญหาเขื่อนลำคันฉู
ปัญหาและข้อเรียกร้องคือ
เขื่อนร้าว
ไม่มีคลองส่งน้ำเพื่อใช้ในการเกษตร
และหลังสร้างเขื่อนน้ำท่วม
ทำให้ชาวบ้านไม่สามารถพึ่งพาการหาอยู่หากิน
จากป่า และชาวบ้าน ๒
รายยังไม่ได้รับค่าชดเชย
หรือได้ค่าชดเชยไม่เป็นธรรม
เขื่อนลำคันฉู
สร้างโดยกรมชลประทานกระทรวงเกษตรและสหกรณ์
ตั้งอยู่ ต.โคกเพฃรพัฒนา อ.บำเหน็จณรงค์
จ.ชัยภูมิ
เริ่มก่อสร้างเมื่อปี 2532
แล้วเสร็จและเริ่มเก็บกักน้ำในปี
2539
สภาพปัญหา
การดำเนินโครงการผิดวัตถุประสงค์
เพราะเขื่อนมีวัตถุประสงค์เพื่อการเกษตรของชาวบ้านในพื้นที่ริมผั่งลำคันฉู
ตั้งแต่บริเวณท้ายอ่างเก็บน้ำในเขต
ตำบลโคกเพชรพัฒนา
อำเภอบำเหน็จณรงค์
ครอบคลุมมาถึงตำบลบ้านโคกเพชรพัฒนา
บ้านชวน บ้านตาล
บ้านหัวทะเล
บ้านทุ่งเสมียนตรา บ้านทม
บ้านหนองโดน บ้านกุดน้ำใส
บ้านกอก บ้านหนองบัวใหญ่
บ้านละหาน
ที่ลำน้ำไหลผ่านจนเข้าเขตอำเภอจัตุรัส
ก่อนจะไหลลงสู่ บึงละหาน
อันเป็น
หนองน้ำธรรมชาติขนาดใหญ่
และไหลลงแม่น้ำชี ตามลำดับ
แต่ขณะนี้
พื้นที่ดังกล่าวข้างต้นยังไม่ได้รับน้ำเพื่อการเกษตรแต่อย่างใด
เพราะไม่มี คลองส่งน้ำ
และระบบชลประทาน
แต่ปรากฎว่าน้ำจากเขื่อนแห่งนี้ได้นำไปป้อนให้กับโรงงานอุตสาหกรรม ขณะที่ชาวบ้านไม่ได้รับประโยชน์จาก
เขื่อนในการทำเกษตรแต่อย่างใด
ขณะนี้เขื่อนได้แตกร้าว
และมีการยุบตัว
การสร้างเขื่อนทำให้น้ำท่วมป่าที่อุดมสมบูรณ์ที่ชาวบ้านได้พึ่งพิงทั้งการบริโภคในครอบครัวและเป็นรายได้ทางเศรษฐกิจ
การจ่ายค่าชดเชยชาวบ้านไม่เป็นธรรม
ไม่ครบถ้วน ไม่ถูกต้อง
และชาวบ้านถูกหลอกลวงและฉ้อโกง
|