คำบอกกล่าว
สมัชชาคนจนเดินเท้าทางไกล
เพื่อฟื้นฟูธรรมชาติ
ชีวิตและชุมชนคนลุ่มน้ำมูน
ด้วยเมื่อก่อนพวกเราเคยมีชีวิตอยู่อย่าง
สงบร่มเย็น
ใช้ชีวิตอย่างพอเพียงตลอดมา
แม่น้ำมูนและแม่น้ำสาขาน้อยใหญ่อุดมด้วยปลานานาชนิด
หล่อเลี้ยงพวกเราสืบต่อกันมาหลายชั่วอายุคน
เรารู้เพียงว่าเมื่อแม่น้ำมูนยังอยู่
ชีวิตเราก็จะยังคงอยู่เช่นเดียวกันและจะยังคงสืบทอดตำนานของคนลุ่มน้ำมูนตลอดไปจนชั่วลูกชั่วหลาน
การสร้างเขื่อนราษีไศล
ได้ทำลายป่าบุ่งป่าทามอันอุดมสมบูรณ์
ที่คนในชุมชนได้พึ่งพา
พื้นที่ทำมาหากินถูกน้ำท่วม
ในขณะเดียวกันน้ำเขื่อนยังได้นำพาเอาเกลือที่อยู่บนผิวดินและใต้ดินไปสู่พื้นที่รอบอ่างเก็บน้ำ
เกิดน้ำเค็ม ดินเค็ม
ระบาดไปทั่ว
ปลาจำนวนมากก็ไม่สามารถผ่านเขื่อนราษีไศลขึ้นไปสู่ยอดน้ำและแม่น้ำสาขาต่างๆ
ได้
แต่กลับเกิดต้นไมยราพยักษ์ขึ้นมาแทนที่
ความเสียหายจากเขื่อน
ที่สุดคณานับนี้
ก่อให้เกิดการล่มสลายของชุมชนคนลุ่มน้ำ
และความเสียหายดังกล่าวยังไม่มีหน่วยงานใดๆ
เข้ามาแก้ไขปัญหาอย่างจริงจัง
การแก้ไขความเสียหายที่เกิดขึ้นเป็นเพียงคำโฆษณาที่สวยหรู
แต่ในความเป็นจริงนั้นไม่ได้แม้เพียงบรรเทาความทุกข์ยากที่เกิดขึ้นจากเขื่อนซึ่งนับวันความเสียหายเหล่านี้ยิ่งทบทวีคูณ
พวกเราเห็นว่า มีแต่การกลับคืนมาของแม่น้ำมูนเท่านั้นที่จะทำให้ชีวิตของเราและชุมชนของเราอยู่ได้อย่างมั่นคง
ยั่งยืน
นั่นก็คือจะต้องเปิดประตูระบายน้ำเขื่อนปากมูล
และเขื่อนราษีไศลอย่างถาวร เพราะเมื่อเปิดประตูเขื่อนทั้งสอง
ปลาจากแม่น้ำโขงก็จะสามารถขึ้นมาวางไข่ตามเกาะแก่ง
และป่าบุ่งป่าทาม
ในแม่น้ำมูนได้
แก่งหินต่างๆ
ก็จะกลับคืนมา
ป่าบุ่งป่าทาม ที่ดิน
ที่เหมาะกับการเพาะปลูก
พืชผักสมุนไพรริมมูน
ก็จะคืนมาดังเดิม
เมื่อแม่น้ำมูนกลับคืนมาเป็นธรรมชาติ
ความอุดมสมบูรณ์ต่างๆ
ก็จะกลับมา
นั่นก็คือชีวิตของพวกเราก็จะดีขึ้นตามมาอย่างแน่นอน
เราได้รวมตัวกันที่ริมสันเขื่อนปากมูล
จัดตั้งหมู่บ้านแม่มูนมั่นยืนขึ้นเมื่อ
วันที่ ๒๓ มี.ค.๒๕๔๒
เป็นหมู่บ้านแห่งการต่อสู้เพื่อความเป็นธรรม
เพื่อเสนอข้อเรียกร้องนี้ต่อรัฐบาล
จนกระทั่งถึงปัจจุบันก็ยังไม่มีการตอบสนองใดๆจากผู้มีอำนาจในการแก้ไขปัญหา
แม้จะมีการทดลองเปิดประตูน้ำเขื่อนปากมูลและเขื่อนราษีไศลเป็นการชั่วคราว
แต่ก็ไม่ใช่การแก้ปัญหาที่ถาวรและยั่งยืน
การเดินเท้าทางไกล
ของพวกเราในครั้งนี้
เริ่มออกจากหมู่บ้านแม่มูนมั่นยืน
ในวันที่ ๙ ตุลาคม
๒๕๔๔เป็นการเดินเพื่อขอการสนับสนุนจากพี่น้องชาวอีสานและพี่น้องชาวไทย
โดยจะเดินบอกกล่าวและหยุดพักเพื่อชี้แจงตามชุมชนต่างๆ
จากอุบลราชธานีถึงทำเนียบรัฐบาล
เป็นการเดินเท้าอย่างเดียวตลอดเส้นทาง เพื่อให้เกิดการฟื้นฟูแม่น้ำมูน
ฟื้นฟูชุมชนและชีวิตของพวกเราผู้ได้รับผลกระทบจากการสร้างเขื่อน
รวมถึงการชดใช้ความเสียหายที่เกิดจากการสร้างเขื่อนที่ผ่านมา
อย่างเป็นธรรม
~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~
ศักดิ์ศรีการไฟฟ้าฝ่ายผลิตบนความตายของประชาชน
เมื่อเวลา
๐๘.๐๐ น.ของวันที่ ๕ ตุลาคม
๒๕๔๔ การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทยได้ทำการปิดประตูน้ำเขื่อนปากมูลทั้ง
๘
บานโดยปิดประตูน้ำสนิทถึง
๔ บาน และยกสูงประมาณ
๕๐ เซนติเมตรอีก ๔ บาน
เป็นผลทำให้น้ำในแม่น้ำมูนสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว
เนื่องจากปริมาณน้ำในแม่น้ำมีมากจนท่วมบ้านเรือนประชาชนอยู่ก่อนแล้ว
นอกจากนั้นยังทำให้
กระแสน้ำในแม่น้ำมูลบริเวณใต้เขื่อนเชี่ยวกว่าปกติ
เป็นคลื่นสูงประมาณ ๑-๒
เมตร
ซึ่งได้สร้างความเสียหายให้กับเรือของชาวบ้านที่จอดไว้ในบริเวณเท้ายเขื่อนเสียหายเป็นจำนวนหลายลำ
และระดับน้ำเหนือเขื่อนเพิ่มระดับอย่างรวดเร็ว
ก่อนการปิดประตูน้ำ
ขณะเดียวกันการปิดเขื่อนในวันนี้การไฟฟ้าฯไม่ได้ให้สัญญาณใดๆ
ล่วงหน้ามีเพียงการส่งคนไปบอกกลุ่มจัดตั้งของกฟผ.ในหมู่บ้านหัวเห่วประมาณ
๒๐ คน
ให้เตรียมลงหาปลาท้ายเขื่อน
ซึ่งภายหลังการปิดเขื่อนก็ได้มีชาวบ้านจำนวนดังกล่าวลงหาปลา
โดยการไฟฟ้าฝ่ายผลิตก็ได้นำกล้องวีดีโอบันทึกภาพ
และสัมภาษณ์ชาวบ้านที่ได้เตรียมเอาไว้แล้วด้วยส่วนกลุ่มคนที่ไม่ได้เป็นกลุ่มจัดตั้งก็ได้รับความเสียหายอย่างหนัก
นอกจากนี้แล้ว
การปิดน้ำอย่างกระทันหันส่งผลให้ปลาเล็กปลาน้อยท้ายเขื่อนค้างอยู่ตามซอกหิน
หาดทรายเป็นจำนวนมาก
เหตุการณ์ดังกล่าวทำให้การไฟฟ้าฯได้เก็บภาพการเก็บปลาของชาวบ้านไว้
การกระทำของการไฟฟ้าฯไม่ว่าจะเป็นการจัดตั้งกลุ่มชาวบ้านเพื่อให้ลงหาปลาท้ายเขื่อนแล้วเก็บภาพ
สัมภาษณ์
ชาวบ้านที่มาหาปลาหลังปิดน้ำ
นับว่าเป็นการกระทำที่ใช้ความเดือดร้อน
ความทุกข์ยากของชาวบ้านเป็นเครื่องมือในการแสวงหาผลประโยชน์ขององค์กรตนเอง
เป็นความตั้งใจที่จะทำลายธรรมชาติ
สิ่งแวดล้อม
ทำลายชีวิตของชาวบ้าน
แม้ว่าน้ำจะยังท่วมไร่นา
ท่วมบ้านเรือน กฟผ.ก็ไม่ได้ใส่ใจใดๆ
ทั้งสิ้น
ในขณะที่สมัชชาคนจนหมู่บ้านแม่มูนมั่นยืน
ก็ได้เตรียมออกเดินรณรงค์เพื่อเรียกร้องการเปิดประตูระบายน้ำเขื่อนปากมูล
และเขื่อนราษีไศลอย่างถาวร
ให้ฟื้นฟูธรรมชาติ
ชุมชนและชีวิต
รวมทั้งชดใช้ค่าความเสียหายอันเกิดจากการสร้างเขื่อน
ซึ่งจะเริ่มเดินรณรงค์ในวันที่
๙ ตุลาคม 44
โดยจะเริ่มเดินจากหมู่บ้านแม่มูนมั่นยืนริมสันเขื่อนปากมูนจนถึงหน้าทำเนียบรัฐบาล
|