5 วัน กับ 65
กิโลเมตร
คนจนส่งกำลังสับเปลี่ยนสร้างประชามติ
ชุมชนรายทางขานรับการเปิดประตูเขื่อนปากมูนชี้เป็นทางออกเรื่องปัญหาพันธุ์ปลาและน้ำท่วมเมืองอุบลฯ
ทักษิณจวก เอาอะไรอีกประตูเขื่อนปากมูนเปิดแล้ว
4 เดือน
ชี้ทำอะไรต้องมีเหตุผล
คนจนแจง
ความเสียหายจากเขื่อนเกือบ
๑๐ ปี สุดคณานับ ทดลอง ๔
เดือนคงไม่เป็นผล
ไม่ครบวงจรธรรมชาติ
ย้ำเดินเท้าไม่ได้กดดันใคร
เพียงเพื่อขอประชามติประชาชน
ในการเปิดเขื่อนถาวร
จากการเดินเท้าทางไกลของกลุ่มชาวบ้านสมัชชาคนจนเขื่อนปากมูน
เขื่อนสิรินธรและเขื่อนราษีไศล
ที่เริ่มตั้งแต่วันที่ 9
สิงหาคม 2544
โดยการเดินเท้าในครั้งนี้เป้าประสงค์หลักได้แก่การสร้างความเข้าใจ
และขอประชามติจากคนอีสานและประชาชนทั่วไปในการฟื้นคืนแม่น้ำมูนสู่ชุมชน
โดยเสนอการเปิดประตูน้ำเขื่อนปากมูนและเขื่อนราษีไศลอย่างถาวร
เพื่อให้ธรรมชาติกลับคืนความอุดมสมบูรณ์อีกครั้งหนึ่ง
และวันนี้นายกรัฐมนตรี
ได้ออกรายการวิทยุนายกพบประชาชน
ซึ่งมีการถ่ายทอดออกอากาศกระจายเสียงไปทั่วประเทศ
โดยนายกกล่าวถึงการเดินทางของสมัชชาคนจนว่า
รัฐบาลและสมัชชาคนจนได้ตกลงกับแล้วว่าให้มีการเปิดประตูระบายน้ำเขื่อนปากมูนเป็นเวลา
4
เดือนเพื่อทำการศึกษาขณะนี้คณะกรรมการกำลังศึกษาอยู่ยังไม่เสร็จ
จะมาเรียกร้องอะไรอีก ผมรู้ว่าผู้นำของท่านต้องการแสดงผลงานจึงออกมาเคลื่อนไหว
แต่อย่าทำอะไรให้คนอื่นเดือดร้อน
รัฐบาลยึดหลักเมตรธรรมในการช่วยเหลือ
และหากทำให้คนอื่นเดือดร้อนรัฐบาลก็จะใช้หลักกฎหมายโดยไม่ยกเว้น
ขณะเดียวกันขบวนรณรงค์ของกลุ่มสมัชชาคนจนที่ได้เดินเท้ามาเป็นวันที่
5
ก็ได้เดินทางออกจากที่พักวัดบ้านกุดกั่ว
ต.ดอนมดแดง อ.ดอนมดแดง จ.อุบลฯ
ในเวลาประมาณ ๐๖.๐๐ น.
โดยก่อนออกจากบริเวณวัดชาวบ้านได้ช่วยกันทำความสะอาด
และสำรวจความเรียบร้อยของสถานที่
และร่วมกันสวดมนต์ไหว้พระ
ซึ่งนับเป็นกิจวัตรประจำวันก่อนออกเดินทางของขบวนนี้
ขบวนได้เดินทางผ่านกิ่งอำเภอดอนมดแดงเข้าสู่เขตอำเภอเมืองอุบลฯ
และเข้าที่พักที่วัดบ้านนาคำ
ตำบลกุดลาด อำเภอเมือง
พอขบวนเดินทางมาถึงก็ได้รับการต้อนรับจากนายสมศรี
จำปาศรี
ผู้ใหญ่บ้านพร้อมด้วยนายสวน
อรการ สมาชิก อ.บ.ต.บ้านนาคำพร้อมด้วยชาวบ้านจำนวนหนึ่ง
นายสมศรี จำปาศรี อายุ 51
ปี ผู้ใหญ่บ้านนาคำ
กล่าวว่า
บ้านนาคำมีทั้งหมด 154
หลังคาเรือน
ชาวบ้านมีอาชีพทำนาและอาชีพประมง
มีชาวบ้านที่ทำประมงเป็นหลักจำนวน
30 หลังคาเรือน และมีอยู่ 10
หลังคาเรือนไม่มีที่นา
โดยยึดอาชีพประมงอย่างเดียว
ในช่วงที่เขื่อนปากมูนปิดประตูชาวบ้านของผมไม่สามารถจับปลาได้
จนมาถึงช่วง 3-4
เดือนที่ผ่านมาชาวบ้านจับปลาได้เยอะขึ้น
ปลาที่ชาวบ้านจับได้ก็จะมีทั้งปลาซวย
, ปลาอี่ตู๋
ซึ่งปลาชนิดดังกล่าวมีการจับได้เป็นจำนวนมาก
ผมเห็นด้วยที่จะให้เปิดประตูน้ำเขื่อนปากมูน
เพราะชาวบ้านจะได้จับปลาได้
และผมก็จะได้กินปลาด้วย
นายสมศรีกล่าว
นายสวน อรการ ส.อ.ต.บ้านนาคำ
กล่าวว่า ผมเกิดมาอายุได้
54 ปี
เป็นสมาชิกสภาตำบลหนึ่งสมัยและเป็นสมาชิก
อ.บ.ต. 2 สมัย
ชาวบ้านนาคำก็หาปลาเหมือนกับทางอำเภอโขงเจียมอำเภอพิบูลย์ฯเหมือนกัน
ที่ผ่านมาก็ได้ยินข่าวการเดินขบวนของสมัชชาคนจน
บ้านผมก็เดือดร้อนเหมือนกันอย่างรู้ข้อมูลเหมือนกัน
ว่าจะทำอย่างไรจึงจะหาปลาได้เหมือนแต่การที่จะสร้างเขื่อนปากมูนอีก
ด้าน น.ส.วนิดา
ตันติวิทยาพิทักษ์
ที่ปรึกษาสมัชชาคนจน
ได้กล่าวต่อกรณีการพูดออกรายการวิทยุของนายกรัฐมนตรีว่า
ท่านนายกคงได้รับข้อมูลคลาดเคลื่อน
เพราะการเดินเท้าทางไกลของสมัชชาคนจนในครั้งนี้
เราต้องการรณรงค์ทำความเข้าใจถึงปัญหาความจริงว่า
การสร้างเขื่อนปากมูนที่สร้างปิดปากแม่น้ำมูนได้ส่งผลให้พันธุ์ปลาและจำนวนปลาลดลง
เพราะว่าปลาในแม่น้ำมูนที่สำรวจพบจำนวน
119 ชนิดซึ่งส่วนใหญ่มากกว่า 95
เป็นปลาอพยพมาจากทะเลสาบเขมรเข้ามาตามแม่น้ำโขง
การเดินเท้าทางไกลครั้งนี้เพื่อสร้างความเข้าใจกับชุมชนว่าการเปิดประตูเขื่อนปากมูนคือทางออกที่จะทำให้ชาวบ้านจับปลาได้
นายชนะ
กิคำ
ตัวแทนชาวบ้านบ้านค้อใต้ ต.โพธิ์ศรี
อ.พิบูลมังสาหาร จ.อุบลฯ
หนึ่งในอาสาสมัครเดินเท้าให้ความเห็นเกี่ยวกับการอพยพของปลาว่า
ปลาจากแม่น้ำโขงจะเข้ามาวางไข่และหากินในแม่น้ำมูนในช่วงฤดูน้ำแดง
คือช่วงเดือนพฤษภาคม-เดือนสิงหาคม
หลังจากเพาะฟักจนลูกปลาหากินเองได้พ่อปลาแม่ปลาก็จะเดินทางกลับสู่แม่น้ำโขงและทะเลสาบเขมรในช่วงฤดูน้ำลด
คือช่วงเดือนพฤศจิกายน -
มกราคม
และรอจนถึงฤดูน้ำแดงในปีต่อมาก็จะเดินทางมาวางใข่ในแม่น้ำมูนอีกครั้งหนึ่ง
แต่พอมีการสร้างเขื่อนปากมูนวงจรชีวิตปลาก็เปลี่ยนไป
ปลาจากแม่น้ำโขงไม่สามารถเดินทางผ่านเขื่อนปากมูนได้
ทำให้ชาวบ้านที่มีอาชีพประมงไม่สามารถจับปลาได้
ดังนั้นการแก้ไขปัญหาของชาวบ้านปากมูนก็คือการเปิดประตูน้ำอย่างถาวรเพื่อให้ปลาเข้ามาในแม่น้ำมูนได้
ชุมชนประมงก็จะมีปลาจับเพื่อเลี้ยงครอบครัว
และในวันนี้เป็นวันที่ชาวบ้าน
จากหมู่บ้านแม่มูนมั่นยืนได้ผลัดเปลี่ยนชุดการเดินทาง
โดยมีชาวบ้านจาก ๓๓
หมู่บ้าน จำนวน ๓๓ คน
เข้ามาสับเปลี่ยนชุดแรก
การสับเปลี่ยนดังกล่าวเป็นข้อตกลงร่วมกันของแต่ละหมู่บ้าน
ซึ่งบางหมู่บ้านก็สับเปลี่ยนใน
๑๐ วัน บางหมู่บ้าน ๑๕ วัน
แต่ส่วนใหญ่จะกำหนดภายใน ๕
วัน
ซึ่งการเข้าร่วมขบวนของอาสาสมัครต้องอยู่ระเบียบ
ข้อตกลงเดียวกันเพื่อการอยู่ร่วมกันในขบวนอย่างสันติสุข
รายงานจากขบวนเดินเท้าทางไกล
๑๓ ตุลาคม ๒๕๔๔
|