เดินเท้าวันที่
๑๘ คนลุ่มน้ำมูนรวมพล ณ
ที่ว่าการอำเภอราษีไศล
ชาวราษีคึกคัก
รับขบวนเดินเท้าฯด้วยข้าวตอกดอกไม้กว่า
๑,๕๐๐ คน
เปิดเวที หน้าอำเภอ
คนแห่ลงประชามติ คืนแม่น้ำมูน
คืนความอุดมสมบูรณ์ให้คนอีสาน
เมื่อเวลาประมาณ ๑๑.๐๐ น.ขบวนเดินเท้าทางไกลของสมัชชาคนจนได้เดินเข้าถึงตัวอำเภอราษีไศล
จ.ศรสะเกษ
โดยได้ออกจากบ้านยาง ต.ไผ่
เมื่อเวลาประมาณ ๐๘.๓๐ น.มาตามเส้นทางมุ่งเข้าตัวอำเภอราษีฯ
ในขณะการเดินเท้าของวันนี้
ได้รับความสนใจจากประชาชนสองข้างทางเป็นอย่างดี
เมื่อขบวนเดินเข้าที่ว่าการอำเภอซึ่งเป็นสถานที่ที่จะพักแรมของวันนี้
ได้มีขบวนของชาวบ้านสมัชชาคนจนผู้ที่ได้รับผลกระทบจากเขื่อนราษีไศล
และเขื่อนหัวนา จำนวนกว่า
๕๐๐ คน
ยืนแถวเรียงหนึ่งยาวรายสองข้างทางเข้าที่ว่าการฯ
พร้อมทั้งโปรยข้าวตอกดอกไม้เมื่อขบวนเดินผ่าน
สร้างความปิติยินดีให้กับชาวบ้านเป็นอย่างมาก
เมื่อขบวนเดินเข้าในสนามหน้าเวที
นายชวลิต ศิลารักษ์ อายุ ๔๐
ปี อยู่บ้านเลขที่ ๒๒ หมู่ ๒
ต.เมืองคง อ.ราษีไศล
สมาชิกเทศบาลตำบลเมืองคง ได้กล่าวต้อนรับขบวน
ใจความสำคัญว่า
นับเป็นโอกาสดีที่ชาวราษีไศลได้ต้อนรับขลวนรณรงค์
ที่ได้เดินเท้าทางไกลบอกกล่าวความทุกข์ยากที่เกิดจากการสร้างเขื่อน
การดำเนินการของกลุ่มคนเหล่านี้นับได้ว่าเป็นผู้ที่มีจิตใจอันสูงส่ง
ที่เสียสละและยอมรับความทุกข์ยาก
เพียงเพื่อต้องกาให้พวกเราและชุมชนของเราที่อาศัยพึ่งพาอยู่กับแม่น้ำมูน
ให้ได้ตระหนักถึงความสำคัญของธรรมชาติและแม่น้ำมูน
นายชวลิตกล่าวต่อว่า ณ
วันนี้
เราจึงกล่าวได้ว่าเผ่าพันธุ์คนราษีไศล
คือเผ่าพันธุ์ที่ดำรงชีวิตผูกพันกับแม่น้ำมูนอย่างแยกไม่ออก
การกระทำใดๆ
ที่ก่อให้เกิดการเปลี่ยนต่อแม่น้ำมูน
ย่อมแสดงให้เห็นว่า
เขาเหล่านั้นกำลังลบหลู่
หมิ่นหยามคนเผ่าพันธุ์บรรพบุรุษของเรา
วันนี้พวกท่านผู้เสียสละ
ผู้ยอมรับความทุกข์ยาก
พวกท่านทำเพื่อจะปาป้องแม่น้ำ
ปกป้องธรรมชาติ ปกป้องชุมชน
ให้หลุดพ้นจากการแย่งชิงไป
ให้สืบต่อสู่รุ่นลูกหลาน
ในนามคนราษีไศล
ขอกล่าวว่าภารกิจนี้คือการประกาศอิสรภาพ
ปลดแอกที่กดคอข่มเหงคนลุ่มน้ำมูน
เป็นการปลดปล่อยอิสรภาพของแม่น้ำมูน
ให้ชุมชนดำรงอยู่คู่แม่น้ำมูน
ให้แม่น้ำมูนอยู่คู่ชุมชนขอให้ภารกิจนี้ดำเนินต่อไปอย่างลุล่วง
สัมฤทธิ์ผลทุกประการ
นายชวลิตกล่าวในที่สุด
จากนั้น นางเจริญกองสุข นายบุญมีคำเรือง
ตัวแทนขบวนฯ
ได้กล่าวขอบคุณการต้อนรับของชาวราษีไศลในครั้งนี้
ท้ายสุด นางเจริญ
ได้ย้ำถึงความร่วมมือร่วมใจกันของคนลุ่มน้ำมูนว่า
มีแต่ความสามัคคีร่วมมือร่วมใจกันเท่านั้นที่จะทำให้พวกเราได้แม่น้ำมูนอันอุดมสมบูรณ์กลับคืนมา
ภายหลังพิธีต้อนรับ
ชาวบ้านทั้งหมดได้เข้าที่พักที่ศาลาประชาคม
อ.ราษีฯ
ต่อมาในเวลาประมาณ ๑๕.๐๐ น.ชาวบ้านทั้งหมดได้เข้ารวมตัวกันหน้าเวทีอีกครั้ง
นายไพจิตร ศิลารักษ์
ชาวบ้านกรณีเขื่อนราษีไศล
ได้กล่าวผ่านเครื่องกระจายเสียงว่า
เพื่อเป็นกำลังใจให้กับอาสาสมัครในขบวนเดินเท้าทางไกลา
จึงขอให้อาสมัครเข้าแถวหน้าเวทีทั้งหมด
ตัวแทนชาวบ้านจากเขื่อนหัวนาจะได้มอบผ้าขาวม้าเพื่อเป็นกำลังใจให้
เมื่อทั้งหมดได้เข้ารวมหน้าเวที
ในเวลาประมาณ ๑๕.๓๐ น.ตัวแทนชาวบ้านเขื่อนหัวนาก็ได้ผูกผ้าขาวม้าจำนวนกว่า
๑๓๐ ผืนให้กับอาสามัครทุกคน
ซึ่งในช่วงเวลานั้น
เสียงเพลงมาร์ชสมัชชาคนจนได้ดังกึกก้องไปทั่วบริเวณ
จากนั้น
นายไพจิตรได้ประกาศให้ชาวบ้านที่อยู่หน้าเวทีว่า
ต่อไปจะมีการลงประชามติเพื่อฟื้นฟูแม่น้ำ
ชีวิตและชุมชนคนลุ่มน้ำมูน
โดยเนื้อหาของใบลงประชามติความว่า
เพื่อฟื้นฟูแม่น้ำมูน
มรดกของคนอีสาน
และเพื่อยืนยันถึงสิทธิของผู้ได้รับผลกระทบจากการสร้างเขื่อน
ข้าพเจ้าของร่วมเรียกร้องต่อรัฐบาล
ธนาคารโลก
และทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องกับการสร้างเขื่อนปากมูลและเขื่อนราษีไศล
ให้ดำเนินการดังต่อไปนี้ ๑.เปิดประตูระบายน้ำเขื่อนปากมูลและเขื่อนราษีไศลอย่างถาวร
๒.ดำเนินการฟื้นฟูระบบนิเวศน์แม่น้ำมูนที่ได้รับความเสียหายจากการสร้างเขื่อนปากมูลและเขื่อนราษีไศลให้กลับคืนสู่สภาพเดิม
และ ๓.ดำเนินการฟื้นฟูวิถีชีวิตและชุมชนที่ได้รับผลกระทบจากการสร้างเขื่อนในลุ่มน้ำมูน
บนพื้นฐานของการเคารพสิทธิ์ของผู้ได้รับผลจากการสร้างเขื่อน
ขณะเดียวกันได้มีการตั้งโต๊ะเพื่อให้ประชาชนทั่วไป
และชาวบ้านที่เข้าร่วมงานในวันนี้ร่วมลงประชามติโดยตั้ง
จำนวน ๙
โต๊ะด้านข้างของเวที
โดยกลุ่มแรกมีชาวบ้านจากเขื่อนปากมูล
เขื่อนสิรินธร
เขื่อนราษีไศล
และเขื่อนหัวนา
รวมถึงนายชัยพันธ์
ประภาสวัต
ที่ปรึกษาสมัชชาคนจน
ร่วมลงประชามติในวันนี้ด้วย
นายชัยพันธ์ กล่าวว่า
การเดินเท้ารณรงค์ของขบวนอาสาสมัครของสมัชชาคนจนนับ
เป็นขบวนที่ใช้สิทธิเสรีภาพของประชาชน
ใช้แนวทางประชาธิปไตยตามกระบวนการกฎหมายรัฐธรรมนูญได้อย่าดีที่สุด
ซึ่งเป็นแนวทางที่ทางรัฐ
และราชการควรที่จะใช้อย่างยิ่ง
นี่คือการกระจายอำนาจอย่างแท้จริงโดยประชาชนได้ดำเนินการด้วยตนเอง
ตามสิทธิในรัฐธรรมนูญฉบับประชาชน
โดยรัฐธรรมนูญมาตราที่ ๔๖
ว่าด้วยสิทธิชุมชน
ซึ่งประชาชนสามารถดูแลทรัพยากรในท้องถิ่นด้วยตนเอง
เป็นสิ่งที่สังคมควรให้ความสำคัญเพราะจะเป็นตัวอย่างการแก้ปัญหาสิ่งแวดล้อม เป็นการเสนอความคิดที่แตกต่างกับรัฐหรือราชการโดยแนวทางแห่งสันติวิธี
ซึ่งเป็นสิ่งที่คนทั้งโลกกำลังเรียกร้องและแสวงหาแนวทางเช่นนี้อยู่ หากสังคมไม่ต้องการความรุนแรงก็ต้องยอมรับความคิดเห็นที่แตกต่าง
และเคารพความคิดเห็นของประชาชนระดับรากหญ้า
ซึ่งเขามีภูมิปัญญาของท้องถิ่นอยู่อย่างมหาศาลมากกว่าความรู้ของนักวิชาการในมหาวิทยาลัย
และนักการเมือง ดังนั้น
จึงอยากให้รัฐบาลได้เอาใจใส่และรับฟังเสียงเหล่านี้อย่างจริงจัง
โดยปราศจากอคติ
และอย่ามองความเคลื่อนไหวของประชาชนเป็นเพียงเรื่องของผลประโยชน์หรือการเมืองเท่านั้น
เพราะประชาชน
คือผู้ที่อยู่กับธรรมชาติและเข้าใจชีวิตของเขาได้ดีที่สุด
การเรียกร้องให้เปิดประตูเขื่อนราษีไศลและปากมูลอย่างถาวรนั้น
จึงเป็นความชอบธรรมที่คนในลุ่มน้ำมูน
และผู้คนในสังคมควรมีส่วนรับผิดชอบในความผิดพลาดในอดีต
และฟื้นฟูธรรมชาติให้กับประชาชน
นี่จึงเป็นการพัฒนาที่ยั่งยืนอย่างแท้จริง
นายชัยพันธุ์กล่าวในที่สุด
อย่างไรก็ตาม
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า
ในวันที่ ๒๗ ต.ค.ขบวนจะยังคงอยู่ที่ที่ว่าการอำเภอราษีไศลต่ออีก
๑ วัน
โดยจะได้จัดเวทีวิชาการ
และเปิดให้ประชาชนที่เข้าร่วม
ได้ลงประชามติต่อด้วย
รายงานจาก
ขบวนเดินเท้าทางไกล ๒๖
ตุลาคม ๒๕๔๔
สมภาร คืนดี
|