แถลงการณ์สมัชชาคนจน
ฉบับที่ ๒
ขบวนเดินเท้าทางไกลเพื่อฟื้นธรรมชาติ
และชีวิตชุมชนคนลุ่มน้ำมูน
นับเวลากว่า ๘ ปี
มาแล้วที่แม่น้ำมูนเปลี่ยนแปลงไป
ด้วยการสร้างเขื่อนปากมูลปิดปากแม่น้ำมูน
ทำให้ปลาจากแม่น้ำโขงไม่สามารถเดินทางผ่านประตูเขื่อนเข้ามาวางไข่และแพร่พันธ์ในแม่น้ำมูนได้
เป็นผลให้ชุมชนที่มีอาชีพประมงต้องล่มสลาย เขื่อนที่สร้างขึ้นนั้นก็แทบจะไร้ประโยชน์
ขณะที่หน่วยงานราชการพยายามที่จะแก้ไขปัญหาผลกระทบต่างๆ เช่น การสร้างบันไดปลาโจน
การนำลูกปลาและลูกกุ้งมาปล่อยในแม่น้ำมูน
การกำหนดเขตห้ามจับปลา และการจัดตั้งสถานีประมงน้ำจืดขึ้น แต่การดำเนินการดังกล่าว
ไม่สามารถแก้ปัญหาได้ ทำให้ชาวบ้านในชุมชนต้องอพยพไปขายแรงงานในต่างถิ่น
ในหมู่บ้านเหลือแต่เด็กและคนแก่เฝ้าบ้าน
ความล้มเหลวของเขื่อนปากมูลได้รับการยืนยันชัดเจนจากคณะกรรมการเขื่อนโลก
(WCD)
ได้ศึกษากรณีเขื่อนปากมูลและรายงานฉบับสมบูรณ์พบว่าการจับปลาในอ่างเก็บน้ำและลำน้ำมูนเหนือเขื่อนได้ลดลง
๖๐๘๐%
ทำให้เกิดการสูญเสียทางเศรษฐกิจประมาณ
๑.๔ ล้านเหรียญต่อปี รายงานพบว่าพันธุ์ปลา ๕๖
ชนิดได้หายไปจากลำน้ำหลังจากมีเขื่อนและพันธุ์ปลาอย่างน้อยที่สุด
๕๑
ชนิดถูกจับได้น้อยลงอย่างมีนัยยะสำคัญหลังจากเขื่อนสร้างเสร็จ รายงานของคณะกรรมการระบุว่าพันธุ์ปลาที่อพยพและต้องพึ่งพาแก่งต้องได้รับผลกระทบเป็นการเฉพาะจากการ
ที่เส้นทางอพยพถูกกีดขวางในช่วงเริ่มฤดูฝน และรายงานยืนยันว่าบันไดปลาโจน
ติดตั้งอย่างไม่เหมาะสมและไม่สามารถช่วยให้ปลาอพยพขึ้นไปต้นน้ำได้
คณะกรรมการเขื่อนโลกพบว่าเขื่อนปากมูลได้ทำให้เกิดผลกระทบอย่างมีนัยยะสำคัญต่อวิถีชีวิตของชุมชน โดยพบว่า ก่อนการสร้างเขื่อน
ชุมชนประมงที่ตั้งเหนือเขื่อนและท้ายเขื่อนได้รายงานว่าการจับปลาลดลง
๕๐๑๐๐%
และพันธุ์ปลาหลากหลายชนิดไม่ปรากฏให้เห็นอีกเลย
ชาวบ้านที่ต้องอาศัยการประมงเป็นแหล่งรายได้ซึ่งเป็นวิถีชีวิตของชาวบ้านไม่สามารถทำได้อีกต่อไปหลังจากที่เขื่อนเสร็จ แม้ว่ามีการพยายามจัดให้มีโครงการฝึกอาชีพก็ตาม เมื่อความมั่นคงทางอหารและรายได้ถูกทำลาย ชาวบ้านต้องต่อสู้ดิ้นรนซึ่งรวมถึงการอพยพไปหางานทำ
(รายงานคณะกรรมการเขื่อนโลก
หน้า ๖๐)
ทางด้านเศรษฐศาสตร์ คณะกรรมการเขื่อนโลกพบว่าโครงการเขื่อนปากมูลไม่ได้ดำเนินการที่ดีพอ
และแทบผลิตพลังงานไม่ได้ เขื่อนแห่งนี้มีการติดตั้งเครื่องผลิตไฟฟ้า
๑๓๖ เมกกะวัตต์
แต่ในความเป็นจริงสามารถผลิตได้ในช่วงเดือนที่มีความต้องการสูงเพียง
๔๐ เมกกะวัตต์ เหตุผลง่ายๆ
ก็คือน้ำที่จะหมุนกังหันในฤดูแล้งนั้นไม่เพียงพอ
ตามรายงานของคณะกรรมการเขื่อนโลก พลังงานที่สามารถพึ่งพาได้จริงของเขื่อนปากมูลซึ่งคำนวณจากพลังงานที่ผลิตได้ในแต่ละวันในช่วงระหว่างปี
๒๕๓๘๒๕๔๑
ได้ชี้ว่าพลังงานที่ได้นั้นเป็นเพียง
๒๐.๘
เมกกะวัตต์เท่านั้นหากเทียบกับช่วงที่มีความต้องการสูงสุด
๔ ชั่วโมง นอกจากนั้นในฤดูฝน
การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย
ต้องหยุดเดินเครื่องผลิตไฟฟ้าเนื่องจากระดับน้ำเหนือเขื่อนและท้ายเขื่อนไม่ต่างกันทำให้ไม่มีแรงดันน้ำพอที่จะปั่นเครื่องกันหัน
ยิ่งไปกว่านั้น
คณะกรรมการเขื่อนโลกยังพบว่าประโยชน์ที่แท้จริงของระบบชลประทานเท่ากับศูนย์ คณะกรรมการเขื่อนโลกสรุปว่า
เขื่อนแห่งนี้จะไม่สามารถสร้างขึ้นมาได้หากว่ามีการนำเอาผลผลประโยชน์ที่แท้จริงเข้าไปวิเคราะห์ทางเศรษฐศาสตร์
ขณะเดียวกัน
บริเวณตอนกลางของแม่น้ำมูนก็ได้มีการสร้างเขื่อนราษีไศล
ทำให้น้ำท่วมพื้นที่ป่าบุ่ง-ป่าทามจำนวนกว่า
๕๐,๐๐๐ ไร่
ซึ่งเป็นพื้นที่ที่อุดมสมบูรณ์ที่ชาวบ้านที่ใช้ประโยชน์ด้วยการทำนาทาม
ทำไร่ เลี้ยงสัตว์
เป็นแหล่งสมุนไพร
แหล่งอาหารที่เปรียบเสมือนตู้กับข้าวใบใหญ่ของชาวบ้านต้องสูญเสียไปกับการเก็บน้ำของเขื่อนราษีไศล
อ่างเก็บน้ำเขื่อนราษีไศลยังท่วมทับบ่อเกลือสินธ์เทาธ์ของชาวบ้านที่มีมากกว่า
๑๕๐ บ่อ
และน้ำเค็มจากแม่น้ำเสียว
ห้วยก้ากว้าก ห้วยน้ำเค็ม
ห้วยแก้วที่มีความเค็มตลอดลำน้ำ
ทั้งหมดไหลลงรวมกันในอ่างเก็บน้ำของเขื่อน
ราษีไศล
ทำให้เกิดการแพร่กระจายของน้ำเค็ม
ดินเค็มอย่างรุนแรง
จนชาวบ้านไม่สามารถนำน้ำมาใช้ในการทำการเกษตรได้
ขณะที่น้ำในเขื่อนเน่าเสียจนไม่สามารถทำน้ำประปาป้อนเทศบาลราษีไศลจนต้องใช้เงินมหาศาลในการปรับปรุงระบบประปาใหม่
เพื่อแก้ปัญหาที่เกิดขึ้นจากเขื่อนทั้งสอง พวกเราได้ต่อสู้อย่างยาวนาน
จนในที่สุดรัฐบาลก็ยอมรับความจริงและตกลงให้เปิดประตูเขื่อนราษีไศลจนกว่าจะแก้ปัญหาทางสังคมและสิ่งแวดล้อมได้
และหลังจากนั้นก็เห็นด้วยให้เปิดเขื่อนปากมูลเป็นเวลา
๔ เดือน
เพื่อให้ปลาเดินทางขึ้นมาเหนือเขื่อน
หลังจากเปิดประตู ๒
เขื่อน
เราพบว่าการเปิดประตูเขื่อนราษีไศล
ทำให้ป่าบุ่ง-ป่าทามแหล่งสมุนไพร
ตู้กับข้าวใบใหญ่
ไร่นาที่ทำกินของชาวบ้านกลับมาอีกครั้งหนึ่ง
จำนวนวัว-ควายในหมู่บ้านเพิ่มจำนวนมากขึ้น เราพบว่าวิธีการหาปลาที่เป็นภูมิปัญญาของชุมชนคือ การตีปลาฮอง ก็มีการนำมาใช้อีกครั้งหนึ่ง
ยิ่งไปกว่านั้น
การเปิดประตูเขื่อนราษีไศลได้เป็นการแก้ปัญหาการกระจายของดินเค็มซึ่งเป็นปัญหาที่นับว่าสำคัญยิ่งของแผ่นดินอีสาน
ขณะที่ที่ปากมูน
หลังจากเปิดเขื่อน ๒ เดือน พวกเราได้ทำรายงานด้วยตัวเองและพบว่าปลา
๑๑๙
ชนิดได้กลับคืนสู่แม่น้ำมูน จากความรู้ของพวกเรา
พบว่ามีปลา ๙๙
ชนิดเป็นปลาอพยพซึ่งรวมถึงปลาตูหนาหูขาวซึ่งอพยพมาจากทะเลจีนใต้ พวกเรายังพบพันธุ์พืชพื้นบ้านและสมุนไพรนับร้อยชนิดที่กลับมาเติบโตสองฝั่งแม่น้ำมูนหลังจากที่น้ำลดลง
พวกเราได้เรียนรู้ว่า
การเปิดประตูเขื่อนทั้งสองแห่งไม่เพียงแต่เป็นการฟื้นฟูระบบนิเวศน์แม่น้ำมูนเท่านั้น
แต่ยังนำวิถีชีวิตของพวกเราให้กลับคืนมา พวกเราสามารถได้มีรายได้จากการทำการประมงอีกครั้ง
อีกทั้งยังเพิ่มความมั่นคงทางอาหารของพวกเรา
และของชุมชนลุ่มน้ำมูนทั้งลุ่มน้ำ
ที่สำคัญก็คือ
ปลาที่เข้ามาในแม่น้ำมูน
ยังได้เดินทางขึ้นไปตามลำน้ำตอนบนและลำน้ำสาขาและได้หล่อเลี้ยงชีวิตของคนอีสานอีกครั้ง
ประสบการณ์นี้ได้ทำให้พวกเราเห็นว่า
การแก้วิกฤติลุ่มน้ำมูนและแผ่นดินอีสานเพื่อให้ชุมชนสามารถดำเนินวิถีชีวิตอยู่ได้คือ
๑. การฟื้นฟูธรรมชาติและระบบนิเวศน์ลุ่มน้ำมูน
๑.๑ การเปิดประตูระบายน้ำเขื่อนปากมูนและเขื่อนราษีไศลอย่างถาวร
๑.๒ ฟื้นฟูเกาะแก่ง ป่าบุ่ง-ป่าทาม ที่เสียหายไปในระหว่างการก่อสร้างและเก็บกักน้ำ
๑.๓ การปราบไมยราบยักษ์
๒.
ฟื้นฟูอาชีพและชีวิตชุมชนที่เสียหาย
ในระหว่างเก็บกักน้ำของเขื่อนทั้งสองแห่งที่ผ่านมา
8 ปี
๒.๑ ชดใช้ความเสียหายที่เกิดจากการเขื่อนทั้งสองแห่งอย่างยุติธรรม
สมัชชาคนจนได้ตระหนักถึงความสำคัญดังกล่าว
จึงอาสาเป็นแนวหน้าในการชี้แจงความจริงด้วยการเดินทางด้วยเท้า
เพื่อรณรงค์สร้างความเข้าใจในแนวทางการฟื้นฟูธรรมชาติ
สิ่งแวดล้อม
และวิถีชีวิตชุมชนคนลุ่มน้ำมูนอย่างยั่งยืน
โดยได้เดินทางด้วยเท้าจากหมู่บ้านแม่มูนมั่นยืน
( สันเขื่อนปากมูน )
เขตอำเภอโขงเจียม ในวันที่ ๙ ตุลาคม ๔๔และได้เดินทางผ่าน
อำเภอพิบูลมังสาหาร
อำเภอตาลสุม
และเดินทางข้ามแม่น้ำเซบกเข้าเขตอำเภอดอนมดแดง
- อำเภอเมือง
และเดินทางข้ามแม่น้ำเซบายเข้าสู่อำเภอเขื่องใน
จังหวัดอุบลราชธานี
และเดินทางข้ามแม่นำชีเข้าสู่เขตอำเภอยางชุมน้อย
จังหวัดศรีสะเกษ
และเดินเลียบฝั่งซ้ายแม่น้ำมูน
มุ่งหน้าตรงไปยังอำเภอราษีไศล
และเดินเลาะตามแนวแม่น้ำมูนไปเรื่อยๆ
โดยจะใช้เส้นทางเดินเลาะเลียบแม่น้ำมูนเป็นหลัก
สมัชชาคนจนซึ่งตระหนักถึงภารกิจสำคัญ
ของการฟื้นฟูธรรมชาติสิ่งแวดล้อมและวิถีชีวิตของคนลุ่มน้ำมูน
ซึ่งได้รับความเสียหายมาแล้วภายหลังการสร้างเขื่อน
และภารกิจนี้คงมิใช่เป็นภาระของคน
คนใดคนหนึ่ง
หากแต่เป็นหน้าที่ของคนทั้งลุ่มน้ำ
ในการฟื้นฟูธรรมชาติสิ่งแวดล้อมให้มีความอุดมสมบูรณ์ไว้ให้ลูกหลานสืบทอดต่อไป
ด้วยความเชื่อมั่นในพลังประชาชน
สมัชชาคนจน
๒๗ ตุลาคม ๒๕๔๔ ณ. สนามหน้าที่ว่าการอำเภอราษีไศล |