eng homeabout usmekong riversalween rivermun riverthai baan researchpublication
 

สถานการณ์การชุมนุมหน้าศาลากลางจังหวัดอุบลราชธานี

29 มีนาคม 2545

                เมื่อเวลาประมาณ 07.30 น.ชาวบ้านที่ร่วมชุมนุมที่หน้าศาลากลางจ.อุบลฯ กว่า 500 คนได้เคลื่อนขบวนไปยังศาลจังหวัดอุบลเพื่อรอฟังการตัดสินคดีกรณีปัญหาเขื่อนปากมูล  ซึ่งได้ถูกดำเนินคดีมาตั้งแต่พ.ศ. 2536 โดยการไฟฟ้าฝ่ายผลิตฯเป็นผู้แจ้งความกล่าวหา และให้ดำเนินคดี กับ น.ส.วนิดา ตันติวิทยาพิทักษ์ และนายทองเจริญ  สีหาธรรม  โดยมีข้อกล่าวหาคือ บุกรุกและทำลายทรัพย์สินของทางราชการ หมิ่นประมาท และดูหมิ่นเจ้าพนักงาน มั่วสุมกันเกิน 10 คน ก่อความไม่สงบในบ้านเมือง

เมื่อเดินทางถึงศาล ชาวบ้านทั้งหมดได้เข้ารวมกันบริเวณสนามหญ้าหน้าศาลอย่างเป็นระเบียบ จากนั้นในเวลา 08.40 น.น.ส.วนิดา นายทองเจริญ พร้อมชาวบ้านจำนวนประมาณ 20 คนได้ขึ้นไปที่ศาลเพื่อรอฟังคำพิพากษา

                ต่อมาเวลา 09.00 น.หัวหน้าศาลจังหวัดอุบลฯ และนายชาญวิทย์ ทรงสว่าง ผู้พิพากษาบัลลังก์ 3 ได้ขึ้นบัลลังก์ และอ่านคำพิพากษา โดยใช้เวลาประมาณ 20 นาที ว่าจำเลยทั้งสองไม่มีความผิดตามข้อกล่าวหา จึงพิจารณายกฟ้องในทุกข้อกล่าวหา

                ภายหลังการพิพากษา ชาวบ้านที่ขึ้นฟังในบัลลังก์ได้กลับลงมาด้วยสีหน้าแช่มชื่น เมื่อมาถึงบริเวณสนามหญ้าด้านล่างชาวบ้านที่รอฟังอยู่แล้วก็ปรบมือเกรียวกราว พร้อมทั้งมอบดอกไม้ให้กับผู้ถูกกล่าวหาทั้งสองคน บรรยากาศเต็มไปด้วยความคึกคัก

                นางสาววนิดา กล่าวว่า ดีใจที่ศาลให้ความยุติธรรมต่อชาวบ้านปากมูล การเรียกร้องของชาวบ้านเป็นสิ่งที่ถูกต้อง และชาวบ้านที่มาให้กำลังใจรอฟังคำตัดสินในวันนี้ก็ดีใจด้วยที่ศาลให้ความยุติธรรม คดีดังกล่าวตนคิดว่าเป็นคดีของชาวบ้านปากมูลทั้งหมด ที่ได้ต่อสู้ร่วมกับนักสิ่งแวดล้อมเพื่อที่จะรักษาความอุดมสมบูรณ์ของแม่น้ำไว้ให้กับลูกหลาน ซึ่งการพิจารณาตัดสินออกมาดังกล่าวนี้แสดงให้เห็นว่าสิ่งทีชาวบ้านได้ทำไปนั้นเป็นสิ่งที่ถูกต้องชอบธรรมแล้วตามระบอบประชาธิปไตย แต่การดำเนินคดีคงไม่จบเพียงเท่านี้ขณะนี้ก็ยังมีอีกหลายคดีที่ยังไม่ดำเนินการในชั้นศาลซึ่งตน เห็นว่าคงจะได้รับความเป็นธรรมจากกระบวนการยุติธรรมด้วย

                ด้านในทองเจริญ สีหาธรรม ตัวแทนชาวบ้านปากมูน ให้ความเห็นว่า 9 ปี ที่ถูกดำเนินคดี นับเป็นเวลาที่ยาวนาน พอสมควร แต่ถึงจะนานเพียงใดความจริงก็ปรากฏขึ้นในวันหนึ่ง  ขอบคุณศาลที่ให้ความเป็นธรรมกับคนจน ยกฟ้องทุกเรื่อง

                                หลังจากที่รู้ผลการพิจารณาคดีแล้วในเวลาประมาณ 10.00 น.ชาวบ้านจึงได้เดินทางกลับไปยังหน้าศาลากลาง

                ในเวลา 14.20 น. สมัชชาคนจนได้ออกแถลงการณ์ฉบับที่ 3 “ปากมูนชนะคดี บทพิสูจน์นิติธรรม” ความว่าวันนี้เวลา 9.00 น.หัวหน้าศาลาจังหวัดอุบลฯ และนายชาญวิทย์  ทรงสว่าง ผู้พิพากษา บัลลังก์ 3 ได้ขึ้นนั้งบัลลังก์และอ่านคำพิพากษา ยกฟ้องคดีประวัติศาสตร์การต่อสู้ด้านสิ่งแวดล้อมของชาวบ้านปากมูน โดยคดีดังกล่าวการไฟฟ้าฝ่ายผลิตได้เป็นผู้กล่าวหา น.ส.วนิดา ตันติวิทยาพิทักษ์ และนายทองเจริญ สีหาธรรม ว่าเป็นผู้นำการมั่วสุมจำนวนคนเกินกว่า 10 คนขึ้นไป ก่อความไม่สงบขึ้นในบ้านเมือง บุกรุกและทำลายทรัพย์สินของรัฐ (กฟผ.) กระทำการดูหมิ่นและหมิ่นประมาทเจ้าพนักงาน ในกรณีการชุมนุมของชาวบ้านปากมูนที่บริเวณหัวงานเขื่อนปากมูน อ.โขงเจียม จ.อุบลราชธานี เมื่อวันที่ 6 มีนาคม 2536 และการชุมนุมคัดค้านการระเบิดแก่งหินในแม่น้ำมูนเมื่อเดือนธันวาคม พ.ศ 2536  ซึ่งการชุมนุมของชาวบ้านปากมูนทั้งสองครั้ง ได้กระทำอย่างต่อเนื่องเพื่อขอให้รัฐบาลทบทวนการก่อสร้างโครงการเขื่อนปากมูนในสมัยนั้น (รัฐบาลชวน 1) ให้มีการศึกษาผลกระทบทางสังคมและสิ่งแวดล้อมอย่างรอบด้าน เพราะโครงการก่อสร้างเขื่อนปากมูนเพิ่งดำเนินการไปได้เพียง 10 % หากรัฐบาลรับฟังความเห็นของชาวบ้าน นักวิชาการ นักสิ่งแวดล้อมในสมัยนั้น ปัญหาเขื่อนปากมูนก็คงไม่ยืดเยี้อบานปลาย ก่อให้เกิดความเสียหายอย่างมหาศาล ทั้งเม็ดเงินที่ลงทุนไปแล้วและสิ่งแวดล้อม ความล่มสลายของชุมชนเป็นจำนวนมากมาย นอกจากไม่รับฟังแล้วยังใช้กำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจในและนอกเครื่องแบบ อันธพาลรับจ้างเข้าทุบตีและสลายการชุมนุมของชาวบ้านจนได้รับบาดเจ็บเป็นจำนวนมาก รวมทั้งตั้งข้อกล่าวหาจับกุมตัวแทนของชาวบ้านและเจ้าหน้าที่หน่วยงานด้านสิ่งแวดล้อมที่เป็นที่ปรึกษาของชาวบ้าน คือน.ส.วนิดา ต้องขึ้นศาลยืดเยื้อถึง 9 ปี

วันนี้ ศาลได้ตัดสินยกฟ้องทุกข้อกล่าวหา นั่นหมายความว่า ขบวนการเคลื่อนไหวเรียกร้องอย่างสันติวิธีของชาวบ้านปากมูนที่ยืดเยื้อยาวนานมากว่า 10 ปีนั้น ได้รับการยอมรับแล้วว่าเป็นสิ่งที่ถูกต้องที่ต้องการรักษาวิถีชีวิตแบบพอเพียง รักษาธรรมชาติ สิ่งแวดล้อม เราขอขอบคุณศาลสถิต ยุติธรรมที่ให้ความเป็นธรรมกับชาวบ้านผู้ถูกรังแกและเราหวังว่าการตัดสินของศาลจะเป็นบรรทัดฐานที่ดีในการ ที่รัฐจะนำไปใช้เป็นแนวทางในการแก้ไขปัญหาความยากจนตามหลักการนิติรัฐ นิติธรรม

อย่างไรก็ตาม ปัจจุบันการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทยก็ยังแจ้งข้อกล่าวหา น.ส.วนิดา และแกนนำชาวบ้านอีกหลายข้อกล่าวหา หลายคดีความ ซึ่งยังอยู่ในระหว่างการสอบสวนดำเนินคดีในชั้นตำรวจและอัยการ รวมทั้งการไม่ออกใบอนุญาตเดินทางไปต่างประเทศให้กับ น.ส.วนิดาและแกนนำปากมูนอีกหลายคน เป็นเวลามากว่า 4 ปีแล้ว

ดังนั้น เราจึงขอเรียกร้องต่อรัฐบาล ได้ใช้หลักนิติธรรม ดังเช่นศาลยุติธรรมด้วยการถอนฟ้องข้อกล่าวหาทั้งหมดรวมทั้งอนุญาตให้บุคคลดังกล่าวข้างต้นสามารถ เดินทางทั้งในและนอกราชอาณาจักรได้อย่างมีเสรีภาพดังที่บรรญัติไว้ในรัฐธรรมนูญ พ.ศ 2540

หลังการอ่านแถลงการณ์ นายหนู พลศรี ชาวบ้านกรณีเขื่อนสิรินธรได้นำบายศรีสู่ขวัญ ให้กับผู้ถูกกล่าวหาทั้งสอง รวมทั้งชาวบ้านหมู่บ้านแม่มูนมั่นยืนที่ชุมนุมที่หน้าศาลากลางจังหวัด เสร็จแล้วผูกข้อมืออวยพร อวยชัยให้กันและกันโดยบรรยากาศเป็นไปด้วยความคึกคักตลอดกิจกรรม

และในวันที่ 30 มีนาคม 2545 สมัชชาคนจนจะได้ร่วมกันสืบชะตาแม่น้ำมูนที่บริเวณริมน้ำมูน ใกล้พานเสรีประชาธิปไตย ในเวลา 11.00 น. โดยในพิธีจะมีการสู่ขวัญแม่น้ำ เพื่อให้ความสมบูรณ์กลับคืนมาสู่คนลุ่มน้ำมูน จะมีการโปรยข้าวตอก ดอกไม้ธูปเทียน บูชาพระแม่คงคาและขอพรให้ชาวบ้านสามารถต่อสู้ในการเปิดประตูน้ำเขื่อนปากมูล เขื่อนราษีไศลได้อย่างถาวร

สมภาร คืนดี

29 มีนาคม 2545 ศาลากลางจังหวัดอุบลราชธานี

 
 

สมาคมแม่น้ำเพื่อชีวิต   138/1 หมู่ 4 ต.สุเทพ อ.เมือง จ.เชียงใหม่   50200
Living River Siam Association  138 Moo 4, Suthep, Muang, Chiang Mai, 50200   Thailand
Tel. & Fax.: (66)-       E-mail : admin@livingriversiam.org

ข้อมูลในเวปนี้สามารถนำไปเผยแพร่ได้โดยอ้างอิงแหล่งที่มา