eng homeabout usmekong riversalween rivermun riverthai baan researchpublication
 

สิ่งแวดล้อม

ไทยโพส

ม็อบปากมูล : เสียงที่ดังขึ้นของคนจน

27 สิงหาคม 2543    กองบรรณาธิการ

ในเดือนกรกฎาคม 2543 มีเหตุการณ์สำคัญ ทางการเมือง หลายประการ เช่นกรณีพิพาทเขื่อนปากมูล ซึ่งปะทุขึ้น เป็นการ ปะทะ กันระหว่างชาวบ้านผู้ชุมนุม กับเจ้าหน้าที่ตำรวจ

กรณีเขื่อนปากมูลนี้เป็น ตัวอย่างที่เด่นของปัญหา เชิงโครงสร้างเศรษฐกิจ - สังคม  นโยบายและท่าที ของรัฐบาลและระบบ ราชการ ต่อการใช้ทรัพยากรธรรมชาติ และประชาชน รากหญ้าผู้ด้อยสิทธิ ที่ปฏิบัติมาช้านาน ดังนั้นจึงแก้ไขได้ยาก

กล่าวในด้านปัญหาเชิงโครงสร้างเศรษฐกิจ-สังคม เป็นที่ยอม รับว่า การพัฒนาเศรษฐกิจที่ผ่านมาสร้างความมั่งคั่ง ให้แก่เมืองและ ภาค อุตสาหกรรม   ทำให้ความเจริญกระจุกตัวอยู่ในบางแห่ง  ขณะที่ชนบทและ ภาคการเกษตรไม่ได้รับการเอาใจใส่เท่าที่ควร ปรากฏการณ์พังพินาศทางสิ่ง แวดล้อมป่าไม้และที่ดินเสื่อมสภาพ และการล่มสลายของสังคมชนบทมีให้ เห็นมากขึ้น

ในด้านนโยบายและท่าทีของรัฐบาลกับระบบราชการเห็นว่า ทรัพยากรทั้งหมดเป็นของรัฐ  ซึ่งจะจัดการอย่างใดก็ได้ตามที่เห็น เหมาะสม ชาวบ้านควรเป็นฝ่ายยินยอมเสียสละเพื่อส่วนรวม

ปรากฏการณ์ที่ทางการสร้างเขื่อน  และบังคับอพยพโยกย้าย ชาวบ้านทั่วประเทศ  โดยจ่ายเงินชดเชยให้จำนวนหนึ่งทั้งที่ครบ ถ้วนและไม่ ครบถ้วน   ได้ดำเนินมานาน   ปัญหาเริ่มเข้มข้นรุนแรงขึ้นเมื่อสิ่งแวดล้อมและ ที่ดินทำกินอันอุดมสมบูรณ์  รวมทั้ง สถานที่อันเหมาะสมในการสร้างเขื่อนหา ยากขึ้นทุกที  เงินชดเชยที่ชาวบ้านได้ไปนั้นไม่อาจทดแทนวิถีชีวิตแบบเดิมที่มี ความ มั่นคงกว่าได้

นอกจากนี้ การประกาศเขตป่าสงวนและอุทยานแห่งชาติทับที่ ทำกินของราษฎรก็เป็นกรณีพิพาทที่ยืดเยื้อมานาน และรุนแรง ขึ้นเมื่อพื้นที่ทำ กินลดลง

ปัญหาร่วมกันทำนองนี้ทำให้ชาวบ้านรวมตัวเป็นกลุ่มต่างๆ  ที่มีชื่อเสียงได้แก่สมัชชาคนจน  ดำเนินการต่อสู้ทวงสิทธิของตน   ซึ่งหลาย ครั้งเดินทางมาชุมนุมที่ทำเนียบรัฐบาล    และไม่เป็นที่เข้าใจดีนักของชนชั้น กลางในเมือง  การต่อสู้อันยืดเยื้อของ สมัชชาคนจนแสดงถึงเส้นทางอันวกวน ในการแก้ปัญหาสิ่งแวดล้อมและที่ดินทำกินในชนบท

ขณะที่ทางการอ้างกฎหมายและการรักษากฎหมาย   ชาวบ้าน อ้างสิทธิในการดำรงชีพและการรักษาวิถีชีวิตของตน  นอกจากนี้ ยังมีข้อเท็จ จริงทางวิชาการและการปฏิบัติที่เป็นจริงในพื้นที่ซึ่งทำให้ปัญหาซับซ้อนขึ้นอีก การยั่วยุไม่ว่าจะเกิดจากฝ่ายใด โดย เฉพาะจากทางการ มีแนวโน้มให้เกิด ความรุนแรงและการแตกแยกอย่างลึกซึ้งขึ้นภายในชาติได้

การต่อสู้ของสมัชชาคนจนที่อาจกลายเป็นความรุนแรงและแตก แยกภายในชาติขึ้นได้นั้น   เนื่องจากการต่อสู้แบบนี้แม้ว่าจะ เป็นการต่อสู้เรียก ร้องในเรื่องสิทธิผลประโยชน์เฉพาะหน้าในท้องที่ห่างไกล แต่ก็ก่อผลกระทบ ต่อโครงสร้างทางเศรษฐกิจ- สังคม  เพราะเท่ากับเป็นการเรียกร้องให้มีการ บริหารจัดการประเทศในแนวใหม่   เช่น  การจัดการสิ่งแวดล้อมและทรัพยากร ธรรมชาติโดยประชาชนมีส่วนร่วมอย่างแท้จริง ไม่ปล่อยให้มีการดูดซับ ทรัพยากรหรือความมั่งคั่งสู่ศูนย์กลางอย่างง่ายๆ เหมือนเดิม

ดังนั้น ผู้ที่เคยได้รับผลประโยชน์จากการพัฒนาหรือการบริหาร จัดการประเทศในแบบเดิม ซึ่งเป็นผู้ที่มีอำนาจและได้เปรียบใน สังคมย่อมไม่ เห็นด้วย  ยิ่งกว่านั้น หากคนจนในที่หนึ่งต่อสู้สำเร็จ  ก็จะเป็นตัวอย่างให้คน จนในที่อื่นได้ทวงสิทธิตามอย่างบ้าง รวมทั้งลูกจ้างพนักงานซึ่งก็มีกรณีขัด แย้งคุกรุ่นอยู่

อย่างไรก็ตาม   การที่ม็อบปากมูลสามารถผ่านวิกฤติการปะทะ และดำเนินการต่อสู้เชิงรุกต่อไปได้ แสดงว่าเสียงของคนจนได้ดัง ขึ้นอย่างยาก จะปกปิด   เป็นสัญญาณการขึ้นหน้าใหม่ของการเมืองการปกครองในประเทศ ไทย  เป็นการเมืองที่ประชาชนมี ส่วนร่วมในทางปฏิบัติจริง  แต่ก็เป็นการขึ้น หน้าใหม่อย่างค่อยเป็นค่อยไป

เสียงของคนจนที่ดังมากขึ้นในประเทศนั้น เกิดจากการมีเหตุ ปัจจัยแวดล้อมสำคัญ  2  อย่าง คือ 1) วิกฤติใหญ่ทางเศรษฐกิจซึ่ง ทำให้ จำนวนคนจนเพิ่มมากขึ้น 2) การต่อสู้ของคนจนทั่วโลก เช่น คนพื้นเมือง ในประเทศออสเตรเลีย เป็นต้น  และองค์การ กรรมกรเช่นในประเทศสหรัฐ การต่อสู้ของชาวชนบทเช่นประเทศในละตินอเมริกา  ตลอดจนองค์กรพัฒนา เอกชน  ได้ก่อเป็น กระแสใหญ่ขึ้น   บีบให้องค์การระดับโลก เช่น องค์การ สหประชาชาติ ธนาคารโลก และไอเอ็มเอฟ เป็นต้น จำเป็นต้องประ กาศว่า การแก้ไขปัญหาความยากจนเป็นนโยบายสำคัญขององค์การเหล่านั้น

ความรู้สึกว่าถึงคราวขึ้นหน้าใหม่ในการบริหารปกครอง ประเทศ   ยังพบได้ในการเคลื่อนไหวอื่น เช่น การเรียกร้องให้ยุบสภา และจัด ให้มีการเลือกตั้งทั่วไปใหม่โดยเร็วที่สุดมีกระแสสูงขึ้น  ที่น่าสนใจ เช่นการ เปิดตัวกลุ่มประชาธิปไตยเพื่อประชาชน ซึ่ง เกิดจากการรวมตัวหลายฝ่าย เพื่อหาทางออกสำหรับการเมืองของประเทศ

ในอีกด้านหนึ่ง ยังพบการเมืองแบบเก่าซึ่งมีลักษณะครอบงำ อยู่   เช่น การเล่นเกมทางการเมือง การใส่ร้ายป้ายสีเอาความดีเข้า ตัว   เอาความชั่วใส่ผู้อื่น   การเล่นพวก  การทุจริตคอรัปชั่น   การขาดความรับผิด ชอบชั่วดี การดูดทางการเมือง ซึ่งมีทั้งดูดเป็น บุคคลและดูดทั้งพรรค

องค์กรเพื่อการควบคุมตรวจสอบตามรัฐธรรมนูญใหม่   ยังต้องใช้เวลาเพื่อให้สามารถปฏิบัติหน้าที่อย่างมีประสิทธิภาพ  คณะ กรรมการการเลือกตั้งต้องจัดการเลือกตั้งสมาชิกวุฒิสภาถึง  5 ครั้ง ใช้เวลาเกือบ 5 เดือน จึงได้ครบจำนวน และในกระบวนการ เลือกประธาน วุฒิสภาก็มีข่าวการวิ่งเต้นหรือล็อบบี้กันอย่างวุ่นวาย

สำหรับศาลรัฐธรรมนูญนั้น มีตุลาการศาลรัฐธรรมนูญท่าน หนึ่งลาออกโดยกะทันหัน  ในการพยายามแก้ไขกฎหมาย เลือกตั้งยัง มีความ เห็นต่างกันมาก  ซึ่งอาจไม่จำเป็นในขณะนี้ก็ได้  เนื่องจากการเลือกตั้ง ส.ส.นั้นอาจไม่ยืดเยื้อเหมือนการเลือกตั้ง ส.ว.ที่ไม่ สังกัดพรรคการเมือง การทุจริตในการเลือกตั้ง ส.ส. จะกระทบต่อภาพลักษณ์และความชอบธรรม ในการจัดตั้งรัฐบาลโดยตรง

การเคลื่อนไหวทางการเมืองที่เด่นอีกเรื่องหนึ่ง ได้แก่การเลือก ตั้งผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ผู้ที่ได้รับเลือกตั้งเป็นนักการ เมืองแนว อนุรักษนิยม   ซึ่งเป็นสัญญาณบ่งชี้ว่า รัฐบาลใหม่ที่จะเกิดขึ้นหลังการเลือก ตั้งทั่วไปครั้งหน้า คงจะไม่ปฏิบัติการอะไร แตกต่างกับรัฐบาลที่ผ่านๆ มานัก

ในทางเศรษฐกิจ  มีสัญญาณแสดงความอ่อนแอเปราะบาง ปรากฏขึ้น โดยค่าเงินบาทมีความผันผวนและลดลง   หุ้นตกเป็น ประวัติการณ์  น้ำมันเชื้อเพลิงราคาสูงขึ้น  คดีล้มละลายเพิ่มขึ้น  มาตรการทางการ คลังเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาล ตั้งแต่ การขยายเวลาจัดเก็บภาษีมูลค่าเพิ่ม ในอัตราร้อยละ   7 ต่อไปอีก  6 เดือน จนถึงการประกาศลดภาษีสินค้าวัตถุ ดิบอีก 542 รายการ เพื่อลดต้นทุนภาคการผลิต ก็ดูจะไม่บังเกิดผลอะไรนัก  คำเตือนเรื่องวิกฤติรอบที่สองดังหนาหูขึ้น เป็นเรื่องที่ไม่ควร ประมาททั้งภาค รัฐและประชาชน

ด้านเหตุการณ์ระหว่างประเทศ   มีการประชุมสุดยอดระหว่าง เกาหลีเหนือซึ่งเป็นสังคมนิยมคอมมิวนิสต์ และเกาหลีใต้ซึ่งเป็น สังคมทุน นิยมเสรี  บรรยากาศเป็นไปอย่างชื่นมื่น  ทำให้เกิดการตั้งปัญหาว่าสหรัฐยังมี ความจำเป็นเหมือนเดิมหรือไม่ที่คงมีกอง กำลังประจำในภูมิภาคนี้   เหตุการณ์ นี้ให้บทเรียนบางประการว่า หากภายในชาติ   หรือระหว่างประชาชาติใน ภูมิภาคนี้มีความ ปรองดองกันแล้ว   อิทธิพลแทรกแซงจากภายนอกก็จะลดลง

เหตุการณ์ทางการเมืองข้างต้นได้แสดงให้เห็นว่า   พลังเก่ากับ พลังใหม่กำลังต่อสู้อย่างเข้มข้นขึ้นทุกที  โอกาสหรือความเป็นไป ได้ในการ สร้างความปรองดองภายในชาติในขั้นนี้ลดลง  แต่ก็ไม่ควรละทิ้งความ พยายามในการจัดการหรือลดทอนความเป็น ปรปักษ์ระหว่างกันให้น้อยลง

 

สำนักงานกองทุนสนับสนุนการวิจัย (สกว.)

 
 

สมาคมแม่น้ำเพื่อชีวิต   138/1 หมู่ 4 ต.สุเทพ อ.เมือง จ.เชียงใหม่   50200
Living River Siam Association  138 Moo 4, Suthep, Muang, Chiang Mai, 50200   Thailand
Tel. & Fax.: (66)-       E-mail : admin@livingriversiam.org

ข้อมูลในเวปนี้สามารถนำไปเผยแพร่ได้โดยอ้างอิงแหล่งที่มา