แถลงการณ์สมัชชาคนจน
ปัญหาคนจนต้องแก้ที่นโยบาย
23
กรกฎาคม 2543
ตามที่
ฯพณฯ บัญญัติ บรรทัดฐาน
รองนายกรัฐมนตรี
ในฐานะผู้ดูแลการแก้ไขปัญหาของสมัชชาคนจน
ได้แสดงความเห็นต่อ
สาธารณะในประเด็นปัญหาทั้ง
16 กรณี ว่า
คงจะไม่สามารถตอบสนองได้ทั้งหมด
เนื่องจากบางเรื่องเป็นปัญหาที่ผิด
กฎหมาย
บางปัญหาเป็นปัญหาที่จะทำให้เกิดปัญหาในอนาคต
สมัชชาคนจนเคารพความคิดเห็นของ
ฯพณฯ
อย่างไรก็ตามสมัชชาคนจนได้พยายามชี้แจงมาโดยตลอดว่า
ปัญหาทั้งหมดเป็น
ปัญหาในเชิงนโยบาย
การใช้กฎหมายและระเบียบราชการในปัจจุบันไม่สามารถที่จะแก้ปัญหาได้อย่างแน่นอน
ที่จริงแล้วต้น
ตอของปัญหานั้น เกิดจากมติ
ครม. 30 มิถุนายน 2541
ในรัฐบาลของท่าน
ที่ยกเลิกมติ ครม. 17 และ 29
เมษายน 2540 ซึ่งเป็น
แนวทางการแก้ไขปัญหาที่เป็นที่ยอมรับของทุกฝ่าย
เพราะเป็นการแก้ปัญหาในเชิงนโยบาย
ถึงแม้จะทำให้ส่วนราชการที่เกี่ยว
ข้องต้องปรับเปลี่ยนบทบาท
และกลไกที่เกี่ยวข้อง
ในการแก้ไขปัญหาบ้างก็ตาม
การยกเลิกมติ
ครม.
ซึ่งเป็นพันธะสัญญาที่รัฐบาลมีต่อสังคม
ย่อมทำให้ความน่าเชื่อถือในการบริหารประเทศของรัฐบาลนั้นๆ
ลดน้อยถอยลง
มิฉะนั้นแล้วรัฐบาลใหม่ทุกชุดอาจต้องยกเลิกสนธิสัญญาต่างๆ
ที่รัฐบาลชุดที่ผ่านมาได้ทำความตกลงไว้กับ
ประชาคมต่างๆ
ถ้าหากเห็นว่าขัดต่อนโยบายของรัฐบาลชุดใหม่
สิ่งเหล่านี้เป็นบรรทัดฐานที่ทั่วโลกต่างยอมรับ
แต่เนื่องจากปัญหาทั้งหมดนี้เป็นปัญหาของคนยากจน
ซึ่งแทบจะไม่มีปากเสียง
ในสังคม
รวมทั้งโลกทัศน์ของระบบราชการ
ซึ่งตามไม่ทันการเปลี่ยนแปลงของสังคม
รวมทั้งรัฐเองก็ขาดความกล้าหาญในการ
เปลี่ยนแปลงทัศนคติของระบบราชการ
การล้มมติ ครม.
ซึ่งน่าจะเป็นความหวังของสังคมทั้ง
2 ครั้งนั้น
จึงเป็นสัญลักษณ์ของ
การสยบยอมอยู่กับอำนาจของระบบราชการโดยสิ้นเชิง
โดยมีคนยากจนเป็นเหยื่อของโลกทัศน์เหล่านั้น
แล้วเราจะมีนักการเมืองที่จะเข้าไปแก้ไขปัญหาในเชิงนโยบายไปทำไม
ถ้าเข้าไปเป็นเพียงตรายางของระบบราชการ
การ เปลี่ยนแปลงใหม่ๆ
ในเชิงสร้างสรรค์
จะเกิดขึ้นกับสังคมได้อย่างไร
ถ้าเรายังมีทัศนะต่อการแก้ปัญหา
โดยอิงกับโลกทัศน์แบบ
เก่าที่ล้าหลัง
โลกกำลังเปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็ว
ปัญหาสิ่งแวดล้อม
ปัญหาการล่มสลายของชุมชน
ปัญหาวิกฤติทางเศรษฐกิจ
ล้วนแต่ต้อง
การนักการเมือง
และผู้นำที่มีวิสัยทัศน์เพียงพอ
ในการรับมือกับความซับซ้อนที่เรากำลังเผชิญหน้า
สิ่งที่สมัชชาคนจนเรียกร้อง
เพียงเพื่อจะกลับไปมีชีวิตอย่างพอเพียง
กลับไปอยู่กับธรรมชาติ
และฟื้นฟูชุมชนที่รักยิ่งของเราขึ้น
มาใหม่ เราเชื่อว่า
ข้อสรุปของคณะกรรมการกลางฯ
ได้กระทำอย่างรอบด้าน
และคำนึงถึงศักดิ์ศรี
และสิทธิที่มนุษย์แต่ละปัจเจก
บุคคลพึงจะได้รับ
ตลอดจนคำนึงถึงกระบวนการแก้ไขปัญหาที่สอดคล้องกับความเป็นจริง
ท่านเหล่านั้นเป็นบุคคลที่ได้รับการ
ยอมรับสูงสุดจากทุกฝ่ายของสังคม
ถ้าไม่ใช้ข้อสรุปของท่านเป็นบรรทัดฐานในการแก้ปัญหา
แล้วสังคมจะเริ่มต้นแก้ปัญหา
ได้อย่างไร
ด้วยจิตคารวะ
สมัชชาคนจน
|