|
ใบแถลงข่าว
สมัชชาคนจนเข้ากรุงเทพฯ
ให้รัฐบาลแก้ไขปัญหา
9 กรกฎาคม 2543
จากการดำเนินการเพื่อการแก้ไขปัญหาของสมัชชาคนจน
ที่ชุมนุมในนามหมู่บ้านแม่มูนมั่นยืนนั้น
ในเบื้องต้นรัฐบาล
โดยนายบัญญัติ บรรทัดฐาน
ได้ลงนามแต่งตั้งคณะกรรมการกลางขึ้น
เมื่อวันที่ 2 มิ.ย 43
และคณะกรรมการชุดนี้ก็ได้มี
การประชุมกันมาหลายครั้ง
จนมีมติเป็นเอกฉันท์ให้รัฐบาลแก้ไขปัญหาสมัชชาคนจน
โดยเริ่มจากกรณีเขื่อนปากมูลให้
เปิดประตูระบายน้ำทั้ง 8
บาน เต็มที่
เพื่อให้ปลาจากแม่น้ำโขงขึ้นไปวางไข่ในลำน้ำมูน
หลังจากมีมติดังกล่าว
สมัชชาคนจนก็ได้ถอยออกจากลานจอดรถ
โรงไฟฟ้าเขื่อนปากมูลเพื่อให้เป็นไปตามมติของคณะ
กรรมการ แต่กฟผ.กลับไม่ยอมเปิดประตูระบายน้ำให้ปลาขึ้นวางไข่
โดยอ้างว่าต้องรับคำสั่งจากรัฐบาลเท่านั้น
ในขณะ
เดียวกันรัฐบาลก็มิได้ดำเนินการใดๆ
จนกระทั่งกรรมการกลางได้มีมติยืนยันการเปิดประตูระบายน้ำอีกครั้งหนึ่งและมติ
เกี่ยวกับการแก้ไขปัญหารอีก
15 กรณีปัญหา
แต่รัฐบาลก็ยังเพิกเฉยไม่ยอมรับคำวินิจฉัยของคณะกรรมการกลางที่ตน
เป็นผู้แต่งตั้ง
สมัชชาคนจน
จึงต้องเดินทางเข้ากรุงเทพฯเพื่อกเรียกร้องให้รัฐบาลปฏิบัติตามมติและแนวทางของคณะกรรมการฯ
โดย มีข้อ เสนอดังต่อไปนี้
1.ให้รัฐบาลสั่งการให้การไฟฟ้าฝ่ายผลิตฯ
เปิดประตูระบายน้ำเขื่อนปากมูลทั้ง
8 บาน เต็มที่โดยทันที
เพื่อให้ปลาสามารถ
ขึ้นวางไข่ได้ตามธรรมชาติ
2.ให้รัฐบาลสั่งการให้กรมพัฒนาและส่งเสริมพลังงานเปิดประตูระบายน้ำเขื่อนราษีไศล
ทั้ง 7 บาน
เพื่อแก้ปัญหาสิ่งแวด
ล้อมและผู้ได้รับผลกระทบจากการสร้างเขื่อน
3.กรณีเขื่อนสิรินธร,เขื่อนลำคันฉู,เขื่อนห้วยละห้า,เขื่อนโป่งขุนเพชร,เขื่อนลำโดมใหญ่,เขื่อนหัวนา,ปัญหาป่าไม้ที่ดิน
จังหวัดอุบลราชธานี
โครงการพัฒนาด่านช่องเม็ก-บ้านเหล่าอินทร์แปลง
ให้รัฐบาลปฏิบัติตามมติของคณะกรรมการกลาง
แก้ไขปัญหาสมัชชาคนจน
4.มาตรการการแก้ไขปัญหาระยะยาวของ
16 กรณีปัญหา
ให้รัฐบาลปฏิบัติตามมติของคณะกรรมการกลาง
5.กรณีข้อ 1-4
ให้รัฐบาลนำเรื่องเข้าสู่คณะรัฐมนตรี
เพื่อรับรองและนำไปปฏิบัติ
6.ให้รัฐบาลสั่งให้กระทรวงคมนาคม
โดยกรมทางหลวงยุติการก่อสร้างสะพานข้ามแม่น้ำมูน
ที่ปากแม่น้ำมูน บ้านท่าแพ
อ.โขงเจียม จ.อุบลราชธานี
เพราะมีสะพานเขื่อนปากมูลใช้สัญจรไปมาอยู่แล้ว
ซึ่งห่างกันเพียง 3
กิโลเมตร และการ
สร้างสะพานดังกล่าว
จะทำให้เกิดผลกระทบต่อการเข้ามาวางไข่ของพันธุ์ปลาหลากหลายชนิดจากแม่น้ำโขง
7.ให้รัฐบาลสั่งให้มีการดำเนินการสอบสวนหาผู้กระทำผิดจากการนำเอาหินที่ระเบิดจากอุทยานแห่งชาติ
แก่งตะนะที่ บ้านหัวเห่ว อ.โขงเจียม
จ.อุบลราชธานี
ไปขายในที่ต่างๆ
และให้ผู้ว่าราชการจังหวัดอุบลราชธานีสั่งให้ยุติการขนหิน
ออกจากบริเวณดังกล่าว
และให้มีการปกป้องรักษาทรัพยากรของชาติต่อไป
8.ให้รัฐบาลจ่ายค่าโดยสารรถไฟของสมัชชาคนจนทั้งขาไปและขากลับจากการที่สมัชชาคนจนต้องเดินทางเข้ากรุงเทพฯ
เพื่อเรียกร้องให้รัฐบาลปฏิบัติตามสัญญาและมติของคณะกรรมการกลาง
ดังนั้น
สมัชชาคนจนจึงจำเป็นต้องเดินทางไปทำเนียบรัฐบาลเพื่อเรียกร้องให้รัฐบาลปฏิบัติตามมติของคณะ
กรรมการ
กลางและข้อเรียกร้องดังกล่าวข้างต้นเพื่อให้เกิดการแก้ไขปัญหาทันทีและเพื่อป้องกันมิให้มีการบิด
เบือนการเรียกร้อง
ของสมัชชาคนจนไปสู่ประเด็นอื่น
สมัชชาคนจนจึงขอวิงวอนต่อสื่อมวลชน
และประชาชนที่รักความเป็นธรรมให้เป็น
พยานต่อสิ่งที่สมัชชาคนจนได้ปฏิบัติตามกติกาที่ตกลงกันมาตลอด
แต่ผู้ที่สับปลับ
ปลิ้นปล้อนกลับเป็นนักการเมืองและ
ข้าราชการที่เกี่ยวข้อง
โดยเฉพาะนายกรัฐมนตรี ชวน
หลีกภัย
ที่ไม่เคยสนใจปัญหาของคนยากคนจนที่ตนและพวก
พ้องเป็นผู้ก่อขึ้นสมัชชาคนจนขอยืนยันว่าจะยืนหยัด
เรียกร้องอย่างสันติวิธี
ให้มีการแก้ไขปัญหาต่างๆ
ตามสิทธิและ
หน้าที่ที่บัญญัติไว้ในรัฐธรรมนูญ
พ.ศ.2540 มาตรา 44,46,56,58,59,60,61,62,76,79
หมายเหตุ
1.)
ชาวบ้านจะเดินทางในวันที่
10 กรฎาคม 2543
โดยขบวนจะออกจากหมู่บ้านแม่มูนมั่นยืน
ประมาณเวลา 09.00 น.
และจะเดินทางโดยรถไฟธรรมดาเที่ยว
13.20 น.
การเดินทางในวันจันทร์ด้วยรถไฟเที่ยวธรรมดาซึ่งเป็นขบวนที่มีผู้ใช้
บริการน้อยที่สุด
จะทำให้เกิดความสะดวกกับประชาชนทั่วไปมากที่สุด
2.)
ชาวบ้านที่เดินทางไปกรุงเทพฯ
เป็นเพียงส่วนหนึ่งในหมู่บ้านแม่มูนมั่นยืนเท่านั้น
ส่วนหนึ่งอยู่ที่หมู่บ้านทั้ง
หมู่ 1 และหมู่ 7
|
|