พื้นที่อ่างเก็บน้ำ
มีหมู่บ้านทั้งหมด
13
หมู่บ้านที่ตั้งอยู่ตามริมฝั่งบริเวณรอบๆอ่างเก็บน้ำตลอดความยาว
24 กิโลเมตร ของแม่น้ำเทิน
และ
แม่น้ำเงิงที่อยู่เหนือขึ้นไปจากเขื่อน
ในขณะที่ธนาคารเพื่อการพัฒนาเอเชีย(ADB)และ
บริษัทเทินหินบูนเพาเวอร์ (THPC)ได้กล่าวอ้างว่าหมู่บ้านเหล่านี้จะได้รับผลประโยชน์จากโครงการเนื่องจากปลาที่จะเพิ่ม
มากขึ้น แต่ในปัจจุบันหลาย
หมู่บ้านได้รายงานถึงผลกระทบทางด้านลบจากตัวโครงการต่อ
ปัญหาการทำมาหากินและเศรษฐกิจในการดำเนินชีวิต
หมู่บ้านท่าบาก ( Ban Thabak ) หมู่บ้านนี้มีประชากรมากกว่า
100 หลังคาเรือน
ตั้งอยู่บริเวณที่
ถนนหมายเลขที่ 8
ตัดกับแม่น้ำเทิน ประมาณ 8
กิโลเมตรเหนือลำน้ำขึ้นไปจากตัวเขื่อน
ชุมชนกระจายอยู่ ตาม 2
ฝั่งแม่น้ำซึ่งกำลังเอ่อท่วมและ
น้ำนิ่ง คณะทีมงานของ FIVAS
ได้ทำการศึกษาหมู่บ้านนี้และได้พบว่า
ปลาเป็นอาหารโปรตีนที่สำคัญที่สุดของหมู่บ้านใน
พื้นที่นี้
ซึ่งชาวบ้านกินเป็นอาหารหลักเกือบจะทุกมื้อ
เนื่องจากการที่ชาวบ้านมีทางเลือกที่จำกัดในการที่จะต้องหาปลาในพื้นที่นี้
จึงเป็นสิ่งที่มองไม่ออกว่าชาว
-บ้านจะหาอาหารได้จากที่ไหนถ้าหากเขื่อนได้ทำให้ปริมาณของปลาที่จับได้ลดลง
[1] จากการ สัมภาษณ์กลุ่ม
ชาวประมงพื้นบ้าน 6 คน
ที่ท่าเรือท่าบาก
กล่าวว่าชาวบ้านที่อาศัยอยู่ตลอดแนวอ่างเก็บน้ำได้รับความเดือด
ร้อน จากโครงการเช่นกัน
โครงการทำให้เกิดความเดือดร้อนหลายอย่าง
เดี๋ยวนี้การจับปลายากมากเราจับได้แค่ครึ่งหนึ่งจากที่
เคยจับได้เมื่อ
ตอนก่อนปิดเขื่อน
เราไม่รู้ว่าปลามันหายไปไหนหมด
เราต้องซื้อแหใหม่ซึ่งราคาก็แพงเพื่อที่จะ
จับปลาในน้ำที่ลึกขึ้นซึ่งมัน
ยากกว่าเก่า
แถมสวนผักตามริมฝั่งแม่น้ำทั้งหมดยังถูกท่วมอีก
สวนผักแต่ละ
แปลงมีราคากว่า 1
แสนกีบแต่เดี๋ยวนี้มันหายไป
หมดแล้วและก็ถล่มลงไปในน้ำด้วย
ปัญหามีเยอะมาก แต่เรา
ไม่เห็นมีใครเข้ามาพูดถึงการช่วยเหลือหรือการจ่ายค่าชดเชย
เรื่องนี้เลย
ข้อคิดเห็นจากกลุ่มชาวประมง
6 คน
ที่ท่าเรือหมู่บ้านท่าบาก
เมื่อวันที่ 3 มีนาคม พ.ศ. 2541
หมู่บ้านสบเงิง( Ban Sop Nyoueng )
หมู่บ้านนี้ตั้งอยู่บริเวณรอบๆตัวเขื่อนฝั่งแม่น้ำเทินบริเวณที่
บรรจบกับแม่น้ำเงิง
อยู่ห่างจากหมู่บ้านท่าบากหลายกิโลเมตรตามลำน้ำลงไปทางใต้
การเดินทางที่สะดวก
ที่สุดไปยังหมู่บ้านนี้คือการเดินทาง
ทาง เรือ ปัจจุบันมีประชากร
34 หลังคาเรือน
แต่เดิมชาวบ้านได้ตั้งความ
หวังไว้สูงกับการที่จะได้รับผลประโยชน์จากที่โครงการได้
ให้สัญญาไว้ไม่ว่าจะเป็นถนน
ไฟฟ้า และสิ่งอื่นๆ
แต่ปัจจุบันพวกเขาได้เลิกคาดหวังกับสิ่งเหล่านี้แล้ว
ในขณะที่ต้องทนรับกับ
ความเดือดร้อนจากเขื่อนแทน
ปีนี้เราไม่มีสวนผัก
ปัญหานี้กำลังทำให้เราเดือดร้อนมาก
ในหน้าแล้งทุกปีเราปลูกผักตาม
2 ฝั่ง
แม่น้ำแต่ปีนี้มันถูก
น้ำท่วมหมด
ผักส่วนมากเราปลูกไว้กินในครัวเรือนถ้าหากขายเราก็จะได้ประมาณ
2-3 แสนกีบต่อปีต่อครอบครัว
สวนผักแปลง
ใหม่อาจจะหาได้ในพื้นที่สูงขึ้นไปแต่มันก็ต้องใช้เวลาเหมือนกัน
กว่าที่จะได้ผล
และดินในที่สูงมันก็ไม่ดีอาจจะเพาะปลูกได้
ไม่กี่ปี
ช่วงระหว่างนี้เราเดือดร้อนหนักจริงๆ
ผู้ใหญ่บ้านหมู่บ้านสบเงิง
เมื่อวันที่ 3 มีนาคม พ.ศ. 2541
แต่ก่อนเราหาปลาได้เยอะ
แต่ทุกวันนี้หาได้ยากขึ้น
จากระยะไม่นานหลังจากที่ปิดเขื่อนปลาได้หาย
ไปหมด ปลา ลดลงอย่างน้อย 30 %
เราต้องทำงานหนักมากขึ้น
และเราต้องซื้อตาข่ายน้ำลึกที่แพงมากเพราะ
เดี๋ยวนี้เราไม่สามารถใช้แห
หว่านแบบเก่าในเขื่อนนี้ได้
ชาวบ้านหมู่บ้านสบเงิง
เมื่อวันที่ 3 มีนาคม พ.ศ. 2541
อีกปัญหาหนึ่งคือน้ำในแม่น้ำเล็กๆที่มีอยู่ได้หนุนสูงขึ้นและล้อมรอบหมู่บ้านเราทำให้เกิดปัญหา
ในการเดินทาง
โดยเฉพาะเด็กนักเรียนที่ต้องไปเรียนในโรงเรียนที่บ้านกะพาบ
เราพยายามสร้างสะพานแต่
มันค่อนข้างที่จะยาวและก็ยาก
ผู้ใหญ่บ้านหมู่บ้านหมู่บ้านสบเงิง
เมื่อวันที่ 3 มีนาคม พ.ศ. 2541
ที่บ้านกะพาบก็เป็นเหมือนกันกับที่บ้านสบเงิง
บางทีอาจจะแย่กว่าด้วยซ้ำ
การจับปลาในตอนนี้ก็
ยากขึ้น ตอนนี้
สวนผักเราก็ไม่มี
ปลาที่จับได้เดี๋ยวนี้ลดลงอย่างน้อย
30 %
แม่น้ำได้หนุนสูงขึ้นและล้อมรอบ
หมู่บ้านของเราเหมือนกันทำให้
การเดินทางทางบกยากขึ้น คนขับเรือจากหมู่บ้าน
กะพาบ ที่หมู่บ้านสบเงิง
เมื่อวันที่ 3 มีนาคม พ.ศ. 2541
|